ทนายอั๋นบุรีรัมย์ รุดเยี่ยมพร้อมยื่นมือช่วยน้อง ม.6 ชาวอำเภอนางรอง ที่ถูกสองผัวเมียสาดน้ำกรดบาดเจ็บสาหัสรักษาตัวที่ รพ.นานร่วมเดือน หลัง ตร.ติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้แต่ยังปฏิเสธและตั้งทนายสู้คดี จึงกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมแม่เผยลูกเหมือนตายทั้งเป็น หน้าเสียโฉมตาหวิดบอดสภาพจิตใจย่ำแย่ไม่รู้จะรักษาตัวอีกนานแค่ไหน ด้านทนายอั๋นยันช่วยเหลือเต็มที่



จากเหตุการณ์ที่มีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยตา ยารีส สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับไปจอดหน้าร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ แล้วคนร้าย 2 คน สวมชุดดำและไอ้โม่งปิดบังใบหน้า ถือถังที่ใส่น้ำกรดบุกเข้าไปสาดใส่ น.ส.นัฎฐิกานต์ หรือน้องอั้ม อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง ขณะนั่งกินข้าวอยู่กับยาย และน้าชาย ภายในร้านอาหารตามสั่ง เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 ส.ค.66 ที่ผ่านมา โดยน้องอั้ม โดนน้ำกรดทั้งที่ใบหน้า ดวงตา หน้าอก ไหลอาบลำตัวสภาพผิวหนังไหม้ เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยจากฤทธิ์ของน้ำกรด ทั้งนี้ยาย และน้าชาย ที่นั่งกินข้าวด้วยกันก็โดนน้ำกรดกระเด็นใส่มีรอยไหม้ตามใบหน้า ลำคอ ลำตัว แขนและขาเช่นกัน แต่อาการไม่สาหัส เท่ากับน้องอั้ม
หลังเกิดเหตุตำรวจ สภ.นางรองก็ได้ไล่กล้องวงจรปิดตามจดต่างๆ เพื่อติดตามตัวคนร้ายอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. วันที่ 31 ส.ค.66 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรภาค 3 พร้อมด้วยชุดสืบสวนภูธรจ.บุรีรัมย์ และชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรนางรอง ร่วมกับชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองหาน จ.อุดรธานี ได้นำหมายศาลจังหวัดนางรอง ไปติดตามจับกุมตัว นายเจษฎาภรณ์ อายุ 21 ปี และ น.ส.อังคณา อายุ 25 ปี สองสามีภรรยา ขณะพักอาศัยอยู่ในสวนมะม่วงทางทิศเหนือของหมู่บ้านนางิ้ว ต.โพนงาม อ.หนองหาน จ.อุดรธานี หลังพบพยานหลักฐานทั้งการเช่ารถยนต์ที่ใช้ประกอบเหตุ รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่สามารถยืนยันได้ว่าทั้งสองมีส่วนร่วมในการก่อเหตุสาดน้ำกรดน้องอั้ม นักเรียนชั้น ม.6 ซึ่งเบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจยืนยันว่ามีหลักฐานอีกหลายอย่างที่สามารถมัดตัวทั้งคู่ได้แต่ไม่สามารถเปิดเผยเพราะกลัวจะกระทบต่อรูปคดี ซึ่งทั้งคู่ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส” ขณะนี้ถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำนางรอง เนื่องจากคัดค้านการประกันตัว โดยนายเจษภรณ์ ที่ถูกจับกุมตามหมายศาล เป็นอดีตแฟนเก่าของน้องอั้ม ผู้บาดเจ็บ ส่วน น.ส.อังคณา เป็นภรรยาใหม่ของนายเจษภรณ์ ซึ่งทั้งคู่เคยถูกครอบครัวผู้บาดเจ็บแจ้งความกล่าวหาฐานพรากผู้เยาว์ และทำให้เสียทรัพย์ จนถึงขั้นขึ้นศาลแต่คดีได้จบไปแล้ว ส่วนการก่อเหตุครั้งนี้คาดว่าน่าจะทำเพื่อแก้แค้นเรื่องคดีเก่า หรืออาจมีเหตุจูงใจอื่นด้วย แต่ทั้งคู่ไม่ยอมปริปาก
ล่าสุด วันที่ 21 ก.ย. 2566 นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋นบุรีรัมย์ ได้เดินทางเข้าเยี่ยม น้องอั้ม ที่ รพ.บุรีรัมย์หลังจากแม่น้องได้ติดต่อไปขอความช่วยเหลือ เพราะเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากผู้ก่อเหตุให้การภาคเสธ โดยผู้ น.ส.จิราวรรณ ผู้เป็นแม่บอกว่า ลูกสาวเหมือนตายทั้งเป็นเพราะถูกน้ำกรดใบหน้าเสียโฉม ตาก็ไม่รู้ว่ากลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมหรือไม่ ตามร่างกายก็มีแต่รอยไหม้และแผลเป็นจากฤทธิ์น้ำกีด ต้องนอนรักษาตัวตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงขณะนี้เกือบเดือนแล้ว สภาพจิตใจก็ย่ำแย่สงสารลูกสาวมาก แต่ก็ขอบคุณตำรวจที่ช่วยติดตามตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้สิ่งที่กังวลคือเรื่องคดีเพราะครอบครัวคู่กรณีค่อนข้างมีฐานะและมีการตั้งทนายสู้ ตนจึงต้องขอความช่วยเหลือจากทนายอั๋น เพราะไม่รู้จะหันหน้าไปเพิ่งใคร ห่วงทั้งสภาพจิตใจและร่างกายที่ลูกจะต้องดำเนินชีวิตต่อ จึงอยากให้ครอบครัวคู่กรณีชดใช้เยียวยากับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะลูกยังต้องเรียนและใช้ชีวิตต่อ
ด้านทนายอั๋นบุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังจากได้เห็นสภาพน้อง ก็น่าสงสารมากโดยเฉพาะดวงตาที่ไม่รู้จะมองเห็นปกติหรือไม่ ส่วนใบหน้าก็เสี่ยงเสียโฉมแต่น้องอายุยังน้อย ก็คิดว่าหากได้รับการรักษาหรือทำศัลยกรรมก็อาจจะกลับมาเป็นปกติได้ ซึ่งตนก็พร้อมเข้ามาดูแลเรื่องคดีและเดินเรื่องเรียกร้องเงินเยียวยาให้กับน้อง เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ยืนยันว่าจะช่วยเหลือให้น้องและครอบครัวได้รับความเป็นธรรมอย่างเต็มที่