เมียและแม่หนุ่มแรงงานชาวอ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ที่ทำงานใกล้เขตสู้รบในอิสราเอล เผยคอลคุยครั้งสุดท้ายวันเกิดเหตุพอเสียงปืนดังติดต่อไม่ได้อีก 4 วันแล้วไม่รู้ชะตากรรม วอนรัฐช่วย หากรอดกลับมาจะให้บวชสะเดาะเคราะห์ และไม่ให้ไปทำงานต่างประเทศอีก ขณะนายกเหล่ากาชาดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรุดเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมประสานหาแนวทางช่วยเหลือ ล่าสุดญาติแจ้งติดต่อแรงงานไม่ได้ 8 ราย
เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2566) นางเอมอร เรียงไข อายุ 59 ปีและ น.ส.สายชล ชาติกุญชร อายุ 38 ปี แม่และภรรยาของนายจักรพันธ์ เดี่ยวไธสง อายุ 37 ปี แรงงานชาวต.บ้านเป้า อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ที่ทำงานอยู่อิสราเอลห่างจากพื้นที่สู้รบประมาณ 5 กม. ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหาแนวทางช่วยเหลือแรงงานไทยที่อยู่ในพื้นที่สู้รบ รวมถึงนายจักรพันธ์ด้วย เพราะครอบครัวติดต่อไม่ได้ 4 วันแล้วตอนนี้ไม่รู้ชะตากรรมว่าเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง หลังจากวีดีโอคอลคุยกันล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 ต.ค.66 แล้วพอได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น ก็ขาดการติดต่อไปเลย แต่ก็ภาวนาขอให้ปลอดภัย
แม่และภรรยา บอกว่า หลังจากติดต่อไม่ได้ก็รู้สึกกังวลและเป็นห่วงมาก ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้างก็ได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้ปลอดภัย แต่หากรอดชีวิตกลับมาก็อยากให้ทางการช่วยพาส่งกลับไทย เมื่อมาถึงบ้านก็จะให้บวชสัก 7 วันเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ ส่วนเหตุผลที่นายจักรพันธ์เลือกไปทำงานอิสราเอล เพราะค่าแรงสูงกว่าไทย และเป็นเสาหลักของครอบครัวส่งเงินมาดูแลแม่ภรรยาและลูกทุกเดือน
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นางวาทิณี โฆษาศิวิไลซ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน , พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมสอบถามความต้องการที่อยากให้ช่วยเหลือแรงงานไทย
โดยวันนี้ได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมครอบครัวแรงงาน4 รายจาก 8 รายที่ญาติแจ้งว่าติดต่อไม่ได้
จุดที่ 1 ณ บ้านเลขที่ 122 หมู่ที่ 7 ตำบลแดงใหญ่ อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ เป็นบ้านของนายสันติ บุญพร้อม
จุดที่ 2 ณ บ้านเลขที่ 31 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองเยือง อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ เป็นบ้านของ นายวินัย ยางนอก
จุดที่ 3 ณ บ้านเลขที่ 8/4 ม.3 ตำบลบ้านเป้า อำเภอพุทไธสง เป็นบ้านของนายจักรพันธ์ เดี่ยวไธสง
จุดที่ 4 ณ บ้านเลขที่ 14 ม. 12 ตำบลบ้านยาง อำเภอพุทไธสง เป็นบ้านของนายเทียนชัย ยอดทองดี
ซึ่งหลังจากเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวแรงงานแล้ว ก็จะได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือแรงงานกลุ่มดังกล่าวต่อไป
