เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 11 ตุลาคม 2566 ว่าที่ ร.ท.อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางาน จ.อุดรธานี นายเจริญจิต สืบสาววงศ์ นอภ.กุมภวาปี พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปยังบ้านญาติแรงงานไทยในประเทศอิสราเอล ที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่ จ.อุดรธานี ที่เสียชีวิตจากสงครามในประเทศอิสราเอล เป็นชายทั้งหมด 7 ราย เพื่อแสดงความเสียใจ และแจ้งสิทธิที่จะได้รับ พร้อมกับแจ้งเตือนญาติผู้เสียชีวิตว่า หลังจากนี้อย่าได้หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพ ที่จะแฝงตัวหรือฉวยโอกาสมาหลอกลวง หรือจะช่วยดำเนินการสิทธิที่จะได้รับ





โดยให้รอการแจ้งจากหน่วยงานทางภาครัฐเท่านั้น เพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาหลอกลวง หลังจากทางรัฐบาลยืนยันว่าคนอุดรธานีทั้ง 7 คน ได้ถูกกลุ่มติดอาวุธฮามาสยิงเสียชีวิตในแคมป์คนงาน ที่อยู่ใกล้กับฉนวนกาซ่า ทำให้พ่อแม่และญาติพี่น้องรู้สึกเสียใจ จนน้ำตาไหล และร้องไห้ระงม โดยเฉพาะนางสนิท โสภากุล อายุ 81 ปี ชาวบ้านเดียม ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี ย่าของ นายอนุชา โสภากุล ผู้เสียชีวิต สร้างความสะเทือนใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
สำหรับรายชื่อคนที่ทางรัฐบาลไทยและอิสราเอล ยืนยันเสียชีวิตทั้ง 7 ราย ประกอบด้วย นายจักรพงษ์ จันทรเสนา อายุ 28 ปี นายอนุชา โสภากุล อายุ 28 ปี ราษฎรชาวบ้านเดียม ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี นายไกรสร อรัญถิตย์ 29 ปี นายธีระพงษ์ กลางสุวรรณ 38 ปี ราษฎรชาวบ้านหนองบัวแดง ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน นายสมรักษ์ โพธิคำ อายุ 26 ปี ราษฎรชาวบ้านน้ำเที่ยง ต.อุ่มจาน อ.ประจักษ์ศิลปาคม นายศักดิ์สิทธิ์ โคตะมี อายุ 37 ปี ราษฎรชาวบ้านดงแสนสุข ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง และนายชัยวัฒน์ สานุสันต์ 39 ปี ราษฎรชาวบ้านโนนสูง ต.บ้านหยวก อ.น้ำโสม
นายทองเลื่อน จันทรเสนา อายุ 69 ปี บ้านเลขที่ 93 ม.5 บ้านเดียม ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ที่ป่วยอัมพฤกษ์ซีกด้านซ้ายมา 4 ปี พ่อของนายจักรพงษ์ จันทรเสนา หรือหม่อน เปิดเผยว่าได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชายเมื่อคืนนี้ รู้สึกเสียใจอย่างมากที่สุดในชีวิต เพราะเป็นลูกชายคนสุดท้อง และเป็นเสาหลักของครอบครัว วันนี้หลายหน่วยงานมาที่บ้าน เพื่อยืนยันการเสียชีวิต และให้คำแนะนำข้อมูลและสิทธิ์ต่างๆ รวมถึงแจ้งเรื่องศพที่ยังไม่สามารถนำออกมาได้ เนื่องจากสถานการณ์ยังตึงเครียดอยู่
“โดยทางหน่วยงานก็จะช่วยดำเนินการ นำร่างออกมาเมื่อมีโอกาส ซึ่งทางบ้านก็ต้องการนำร่างมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้าน หรือถ้าไม่ได้ก็แล้วแต่ทางหน่วยงานราชการว่า จะดำเนินการให้แบบไหน หากได้แต่เพียงกระดูกของลูกกลับมาก็ยังดี และหลังจากนี้ให้รอทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแจ้งสิทธิ์เงินเยียวยาและการดำเนินเรื่องต่างๆ รวมถึงให้คำแนะนำระวังเรื่องของมิจฉาชีพ จะมาแอบอ้างเป็นหน่วยงานของรัฐเข้ามาช่วยเหลือเพื่อรับผลประโยชน์ หรือเรียกรับเงิน เพื่อดำเนินการให้ได้เร็วกว่า ซึ่งหน่วยงานราชการจะดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง”
นายทองเลื่อน ฯ กล่าวต่อไปอีกว่า หลังลูกชายเสียชีวิตไปแล้ว ลูกชายก็ไม่ได้มาเข้าฝันอะไร มีเพียงได้ยินเสียงเหมือนคนเอามือมาทุบข้างห้องนอนของตน 3 คืนติดต่อกัน ซึ่งตนได้บอกกับภรรยาว่า ได้ยินเสียงอะไร แต่ภรรยาบอกว่าน่าจะเป็นเสียงลม ตนก็คิดแล้วว่าลูกเสียชีวิต เพราะว่าไม่สามารถติดต่อได้ โดยปกติแล้วลูกชายจะโทรมาหาทางบ้านทั้งเช้าและเย็น และคุยกันอย่างสนุกสนาน เพราะลูกชายเป็นคนมีนิสัยร่าเริง ตนรู้สึกดีใจที่ทางหน่วยงานราชการไม่ละทิ้งครอบครัวตน ส่วนที่เสียใจคือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดคาดฝันที่เกิดขึ้น ถ้าย้อนกลับไปได้ตนก็จะไม่ให้ลูกไปทำงาน แต่ตนก็อยากให้ลูกไป เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องรุนแรงเลวร้ายขึ้นแบบนี้ ถ้ารู้แบบนี้ก็คงไม่มีใครอยากให้ลูกไปทำงานเสี่ยงอย่างแน่นอน
น.ส.สมพิศ อินทรวิเศษ อายุ 49 ปี แม่ของ นายอนุชา โสภากุล เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า วันนี้ทางหน่วยงานราชการเข้ามาเยี่ยมและให้ข้อมูล ยืนยันว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว พร้อมแนะนำขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ หลังทราบข่าวครั้งแรก ตนก็ยังไม่เชื่อ เพราะมีแต่ข่าวว่าลูกเสียชีวิต แต่ยังไม่มีรายชื่อหรือการยืนยัน แต่วันนี้ทางหน่วยงานฯได้มายืนยันแล้ว ตนก็ยังทำอะไรไม่ถูก ได้แต่รอว่าทางประเทศอิสราเอล จะทำอย่างไรต่อ ในช่วงนี้ตนก็ต้องรอ ถ้าเป็นไปได้ตนก็อยากได้ศพของลูกมาบำเพ็ญกุลที่บ้าน เพราะตนอยากเห็นหน้าลูกชายครั้งสุดท้าย เพราะที่ผ่านมาเห็นแต่ในโทรศัพท์
“ตนมีลูก 3 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด นายอนุชาฯ เป็นลูกคนโต น้องชายอีก 2 คน ก็ไปทำงานประเทศไต้หวัน โดยนายอนุชา ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ 4 ปี และใช้หนี้ ธกส.จนหมดแล้ว ช่วงหลังจะทยอยส่งเงินมาให้สร้างบ้าน และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เขาได้โทรศัพท์มาคุยกันกับแม่ ให้ตนเลือกลายกระเบื้องปูพื้นบ้าน และวันเสาร์เป็นวันหยุด ก็เกิดเรื่องขึ้น น้องชายทั้ง 2 คน ทราบเรื่องแล้ว รอเพียงให้พ่อกับแม่ยืนยันว่าเสียชีวิตจริง ส่วนนิสัยของอนุชาเป็นคนอารมณ์ดี”