จากกรณีเช้ามืดวันที่ 7 ตุลาคม 2566 กองกำลังติดอาวุธฮามาส บุกโจมตีอิสราเอล ทั้งบนอากาศและภาคพื้นดิน มีการบุกเข้ามายิง ทำให้มีพลเมืองผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตหลายร้อยราย รวมทั้งแรงงานไทยที่ไปขุดทองในอิสราเอล ทำให้แรงงานไทยถูกจับเป็นตัวประกัน 11 ราย เสียชีวิต 18 ราย ซึ่งเป็นแรงงานชาวอุดรธานี 7 คน แต่มีข่าวดีว่าทหารอิสราเอลเข้ายึดพื้นที่คืน ช่วยแรงงานไทย ซึ่งจะบินกลับประเทศไทยล๊อตแรก 15 คน หนึ่งในนั้นมีนายไกรสร บัวผาย แรงงานชาวอุดรธานี รวมอยู่ด้วย



เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 11 ตุลาคม ที่บ้านเลขที่ 154 หมู่ 2 บ้านนารายณ์ ต.จอมศรี อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านนายไกรสร บัวผาย อายุ 42 ปี แรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่ที่ประเทศอิสราเอล นายสิงห์ทอง บัวผาย อายุ 65 ปี พ่อนายไกรสร เปิดเผยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสหลังจากทราบข่าวลูกชายได้กลับไทยล๊อตแรกว่า ตนมีลูกชาย 3 คน นายไกรสรเป็นลูกชายคนโต แต่งงานแล้วมีลูก 1 คน นายไกรสรเคยเดินทางไปทำงานที่ประเทศดูไบ 1 ปีกว่า กลับมาพักที่บ้าน ไม่นานก็ไปทำงานที่ไต้หวัน 6 ปี ครบกำหนดก็กลับมาพัก 1 ปี จากนั้นก็สมัครไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เหลืออีก 4 เดือนจะครบสัญญา 5 ปี โดยลูกชายไปทำงานเกษตร ตำแหน่งขับรถที่สวนมันเทศ ได้เงินเดือน 7-8 หมื่นบาท ซึ่งลูกชายส่งไปให้ภรรยา และแบ่งส่งมาให้ตนใช้ 2 เดือน 2-3 หมื่นบาท
นายสิงห์ทองฯ กล่าวต่อไปว่าหลังทราบข่าวเหตุกองกำลังติดอาวุธบุกอิสราเอล ตนรู้สึกเป็นห่วงมาก เพราะกองกำลังติดอาวุธฆ่าไม่เลือก ลูกชายได้โทรศัพท์และแชทไลน์มาบอกน้องชายว่า จรวดยิงใส่แคมป์คนงานจนเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ และมีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาเคาะประตูห้องพักคนงานไทย ถ้าห้องไหนเปิดก็ถูกยิงตาย แม้จะบอกว่าเป็นคนไทยก็ถูกยิงไม่เลือก ส่วนลูกชายอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา รอจนทหารอิสราเอลเข้ามาช่วยเหลือ และแจ้งความประสงค์ขอเดินทางกลับบ้าน เมื่อเช้านี้ลูกสะใภ้โทรมาบอกว่านายไกรสรจะเดินทางกลับไทยล๊อตแรกวันที่ 12 ตุลาคม ซึ่งลูกสะใภ้และหลาน ได้เหมารถตู้ไปรับสามีที่สนามบินแล้ว และเมื่อเช้านี้มีนายอำเภอมาแจ้งข่าวดีให้ตนทราบแล้ว
“ตั้งแต่มีการโจมตีอิสราเอล ตนก็ได้แต่รอฟังข่าวจากลูก เป็นห่วงลูกมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่หลังจากทราบว่าลูกชายปลอดภัย และจะเดินทางกลับเป็นล๊อตแรกก็รู้สึกดีใจ โล่งใจ เหมือนถูกรางวัลที่ 1 เมื่อลูกเดินทางกลับมา ก็จะไม่ให้ลูกไปทำงานต่างประเทศอีกแล้ว ให้ทำมาหากินที่บ้านเรา แม้จะได้เงินน้อยแต่ก็ปลอดภัย”