เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2566 ที่บ้านโนนอุดมพัฒนา หมู่ 10 ต.หนองบัวใต้ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ผู้เสื่อข่าวลงพื้นที่ร่วมกัน นายเพทาย จรกระโทก นายอำเภอศรีบุญเรือง พร้อมด้วย นางรุจิรา จรกระโทก แม่บ้านมหาดไทย อำเภอศรีบุญเรือง กำนันตำบลหนองบัวใต้ สารวัตรกำนันและผู้ใหญ่บ้านโนนอุดมพัฒนา และ นางสังวาลย์ เที่ยงตรงจิตร ประธานพัฒนาสตรีตำบลหนองบัวใต้ รอรับการกลับมาของ 2 แรงงานไทยที่ตกอยู่ในชะตากรรมเสี่ยงภัยในอิสราเอล ชาวอำเภอศรีบุญเรือง ซึ่งเดินทางกลับประเทศไทยเป็นชุดที่ 2 ในจำนวน 19 คน โดยมีพ่อแม่ พี่สะไภ้และญาติพี่น้องรอรับขวัญการกลับมาถึงภูมิลำเนาด้วยความปลอดภัย โดยพ่อแม่และญาติได้เตรียมด้ายผูกแขนไว้รอการกลับมา พร้อมอาหารมื้อแรกจากพ่อแม่จัดหาลาบ ก้อยเนื้อและต้มขมๆของโปรด จากนั้นนายอำเภอศรีบุญเรือง พร้อมคณะญาติพี่น้องทำพิธีผูกแขนด้วยฝ้ายเพื่อความเป็นสิริมงคล





จากการสอบถาม นายปฐมพงษ์ หวันลา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/1 ม.10 ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง หนองบัวลำภู เล่าให้ฟังว่าตนเองไปทำงานด้านการเกษตรที่ประเทศอิสราเอล ตามสัญญา 5 ปี และจะครบ 4 ปีในเดือนธันวาคม นี้ โดยนายปฐมพงษ์ฯกล่าวว่าในช่วงเกิดภาวะสงครามภายในประเทศ พวกตนมีที่พักห่างจากจุดปะทะไม่ 2 กม.หลังจากรอดูสถานการณ์ เกิดความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆก็เลยตัดสินใจขอเดินทางกลับเมืองไทย ในขณะที่นั่งรถออกจากแคมป์ที่พักและก่อนขึ้นเครื่องกลับไทย เสียงระเบิดตามไล่ยิงหวุดหวิดที่จะต้องเอาชีวิตทิ้งไว้ที่นี่ และเป็นความโชคดีที่รอดกลับมาเห็นหน้าพ่อแม่ ในขณะที่นางนวลจันทร์ฯผู้เป็นแม่หลังจากติดต่อลูกชายได้แล้วก็อยากให้หาทางกลับประเทศไทย ในส่วนของนายปฐมพงษ์ฯเอง เกรงว่าพ่อแม่ไม่สบายใจก็พยามบ่ายเบี่ยงที่จะบอกเหตุการณ์ในบริเวณที่ตนเองพักอาศัยอยู่ ก็แล้วแต่ดวง
ในขณะที่นายพนม หวันลา พี่ชายที่เดินทางไปทำงานที่อิสราเอลได้ 2 ปีแต่อยู่คนละภาคและห่างจากจุดปะทะสงคราม ประมาณ 200 กม.ได้โฟนอินกับนายอำเภอศรีบุญเรือง ถึงสภาพชีวิตความอยู่ว่าขอรอดูสถานการณ์ก่อน เพราะจุดนี้ไม่มีปัญหาเหมือนจุดที่น้องชายอยู่ แต่หากประเมินสถานการณ์แล้วก็พร้อมที่จะเดินทางกลับประเทศไทย เพราะมีภรรยาและลูกวัย 3 ขวบรออยู่ ในขณะที่นายปฐมพงษ์ฯกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจเป็นสุดๆว่าที่เดินทางมาถึงบ้านเกิดวันนี้บอกว่าที่ไหนๆไม่อยู่สบายเท่าเมืองไทย การกลับมาถึงบ้านเห็นหน้าพ่อแม่และญาติพี่น้องแล้วยังไม่ขอกลับไปใช้ชีวิตในต่างแดนอีก
จากนั้น นายเพทายฯนายอำเภอศรีบุญเรือง พร้อมคณะเดินทางไปที่บ้านนายสุชาติ จันทร์บาง บ้านเลขที่ 151 หมู่ 10 บ้านโนนอุดมพัฒนา ต.หนองบัวใต้ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นอีก 1 แรงงานที่ไปทำงานในที่เดียวกันกับนายปฐมพงษ์ฯและเป็นคนบ้านเดียวกัน กล่าวในทำนองเดียวกันว่าการรอดชีวิตมาได้เพราะเป็นความโชคดีขณะนั่งรถออกจากแคมป์ที่พักยังมีเสียงลูกระเบิดตกมาใกล้ติดๆ แม้นก่อนขึ้นเครื่องก็ยังไม่ปลอดภัย เสียงของลูกระเบิด เสียงปืนไม่ขาดเสียง
นายสุชาติฯกล่าวว่าตนเองพึ่งไปทำงานจะครบ 2 ปีในเดือน ตุลาคมนี้ ในขณะที่สัญญา 5 ปีภาระหนี้ก่อนเดินทางไปทำงานยังไม่ใช้ไม่หมด ก็ต้องเดินทางกลับมา ส่วนในอนาคตก็คงต้องดูสักระยะหนึ่งก่อน บางที่อาจจะไปขับรถบรรทุกกับหลานชายที่จังหวัดชลบุรี เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว เพราะต้องดูแลลูกชาย 2 คนที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ แต่ก็โชดดีที่มีแม่คอยดูแลที่ตนเองไปทำงานต่างประเทศ ส่วนภรรยาได้แยกกันอยู่
ในขณะที่นายเพทายฯนายอำเภอศรีบุญเรือง กล่าวว่าในความรู้สึกดีใจกับ 2 แรงงานและญาติๆทั้ง 2 คนที่เดินทางกลับถึงบ้านเกิดด้วยความปลอดภัย จากฐานข้อมูลของคนหนองบัวลำภู อีก 300 กว่าคนญาติตดต่อไม่ได้เลย ก็อยากจะฝากไปยังญาติพี่น้องที่ไปทำงานยังประเทศอิสราเอล หากมีข้อมูลก็ขอให้แจ้งให้ผู้นำในพื้นที่ เพื่ออำเภอ จังหวัดจะได้หาทางช่วยเหลือต่อไป