ชาวบ้านชุมชนโคกบัวรายทนไม่ไหมกับคนมักง่ายแอบนำขยะมาโยนทิ้งริมถนนลานกีฬาและชุมชน จึงเขียนป้ายสาปแช่งคนนำขยะมาทิ้งจุดดังกล่าวด้วยถ้อยคำมีข้อความว่า ” ใครทิ้งขยะข้างทางและบริเวณนี้ ขอให้ชิบหาย!! มีอันเป็นไปทั้งคนทิ้งและครอบครัว!!! “

























วันที่ 8 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้งมีป้ายขนาดใหญ่เขียนข้อความต่อว่าผู้ที่นำขยะมาทิ้งบริเวณริมถนนติดกับลานกีฬาชุมชนโคกบัวราย ถนนศรีจุมพล อ.เมือง จ.สุรินทร์ ด้วยคำต่างๆนาๆ ขึ้นเสาปักไว้บริเวณกองขยะ หลังจากทำความสะอาด โดยมีขนาดประมาณ 200 X 50 เซนติเมตร เขียนอักษรด้วยสีขาวพื้นสีแดง ในข้อความว่า “ใครทิ้งขยะข้างทางบริเวณนี้ ขอให้ฉิบหาย!!! มีอันเป็นไป ทั้งคนทิ้งและครอบครัว” พร้อมกับป้ายเตือนบริเวณลานกีฬาชุมชนคำว่า ”ห้ามทิ้งขยะบริเวณสนาม มีกล้อง”
น.ส.รุ่งรัตน์ มณีสด (ผู้ติดป้าย) รองประธานชุมชนโคกบัวราย เล่าว่า ชุมชนโคกบัวรายอยู่ใกล้วัดและลานกีฬาชุมชน ซึ่งในวันพระก็จะมีผู้สูงอายุและชาวชุมชนจะเข้าวัดฟังธรรมกันเสมอ และทุกเย็นก็จะมีเด็ก ๆ และชาวชุมชนจะมาออกกำลังกายเล่นกีฬากันที่สนามลานกีฬา แต่ต้องมาสูดดมกลิ่นขยะที่มีผู้นำมาลักลอบทิ้งไว้บริเวณถนนทางโค้งใกล้กับวัดโคกบัวรายและลานกีฬา ซึ่งบ่อยหลายครั้งทางกรรมการชุมชนต้องให้ช่วยชุมชนมาช่วยเก็บทำความสะอาด ซึ่งขยะดังกล่าวเป็นขยะบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บุคคลในชุมชนลักลอบนำมาทิ้งโดยใช้รถยนต์ขนขยะมาทิ้งในยามค่ำคืน ขยะบางตัวเป็นขยะย่อยยากอันตราย เช่น ที่นอนหมอน หลอดไฟ ยางรถยนต์ เศษแก้วเศษกระจก ขยะจากเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ รวมทั้งเศษอาหารและเสื้อผ้า และศาลเก่า บางคนนำมาทิ้งกลางคืนแล้วจุดไฟเผา ส่งกลิ่นเหม็นเข้าชุมชน ที่เห็นขึ้นป้ายเขียนสาปแช่งนั้น ทางคณะกรรมการชุมชนได้มอบหมายให้รองประธานชุมชน ซึ่งทนกับความมักง่ายของคนที่ลักลอบนำขยะมาทิ้งไม่เป็นที่เป็นทาง จนทำให้ภูมิทัศน์เสียหาย จึงขึ้นป้ายประชดและสาปแช่งอีกด้วย
จึงอยากฝากไปถึงคนที่ลักลอบนำขยะมาทิ้ง ให้คิดถึงใจเขาใจเรา เลิกนิสัยมักง่าย หากมีใครนำขยะไปทิ้งที่บ้านของตัวเองบ้าง จะมีความรู้สึกเช่นไร น่าจะมีการคัดแยกขยะ และไปทิ้งลงถังหรือจุดที่เทศบาลเมืองสุรินทร์ได้จัดไว้ให้จะดีกว่านี้