วันที่ 21 ก.พ. 2567 ร.ต.อ.พิชานน ปลื้มสุด รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งเหตุมีคนถูกไฟคลอกเสียชีวิต ที่ทุ่งนา ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม จึงประสานแพทย์ รพ.นครพนม รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมรถกู้ชีพ อบต.บ้านผึ้ง กู้ภัยลำโขงเพรนด์ชิฟ และกู้ภัยศรีสัตตนครพนม โดยจุดที่เกิดเหตุอยู่หลังโรงงานราชวงศ์เฟอร์นิเจอร์ บ้านผึ้ง ม.2 ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม พบศพชายอยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าเสียชีวิต พบขาสองข้างถูกไฟไหม้เป็นแผลฉกรรจ์ ศีรษะและใบหน้าถูกเพลิงไหม้จนจำหน้าแทบไม่ได้ ฝ่ามือขวาหงิกเกร็งในสภาพกำไฟแช็กอยู่ที่ข้อมือซ้ายสวมใส่นาฬิกา ใกล้กันพบคราดหัก 2 ท่อนตกอยู่ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นของผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงให้ผู้ใหญ่บ้านและนายก อบต.บ้านผึ้ง เร่งตรวจสอบในหมู่บ้านว่ามีผู้ใดสูญหายไปหรือไม่













ต่อมา มีนายนภาพล อายุ 43 ปี พร้อมญาติจำนวนหนึ่งเดินทางมาที่เกิดเหตุ เพื่อตามหานายจอน อายุ 80 ปี บิดาที่หายตัวไปตั้งแต่ช่วงเช้าและยังไม่กลับเข้าบ้าน เจ้าหน้าที่จึงให้ญาติดูศพเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล พบว่าเป็นนายจอน พ่อที่หายตัวไปจริง
นายนภาพล เปิดเผยว่า พ่อวัย 80 ปีจะออกมาที่นาแทบทุกวัน ซึ่งวันนี้ขับรถจักรยานยนต์ มาจอดที่บริเวณเถียงนา ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร จึงระดมออกตามหาแต่ไม่พบตัว พบแต่รถ จักรยานยนต์จอดทิ้งไว้ไม่พบกุญแจ แบะได้ทราบข่าวว่ามีการพบศพจึงเดินทางมาดูศพกระทั่งพบว่าเป็นพ่อของตัวเองถูกไฟครอกเสียชีวิต โดยจำได้แม่นว่าพ่อสวมใส่นาฬิกาที่ข้อมือซ้าย และมีแผลผ่าตัดที่บริเวณหน้าท้องเนื่องจากเคยผ่าตัดถุงน้ำดีและไส้ติ่ง
เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้เสียชีวิตน่าจะนำไฟแช็คที่พบในมือซ้าย ไปจุดไฟเผาที่นาตนเอง ก่อนที่ไฟจะลุกลามและเกิดลมเปลี่ยนทิศจนติดอยู่ในวงล้อมของเปลวไฟ อีกทั้งสุขภาพไม่ดีและอายุมากแล้ว จึงอาจสำลักควันก่อนหมดสติจนถูกไฟคลอกเสียชีวิตอย่างอนาถดังกล่าว ขณะที่ญาติไม่ติดในสาเหตุ การเสียชีวิตจึงมอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป ขณะที่นายสมบูรณ์ นาคะอินทร์ นายก อบต.บ้านผึ้ง กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่ามีผู้จุดไฟเผาตอซังในพื้นที่ 3 จุด จึงประสานรถดับเพลิงมาระงับเหตุ หลังเพลิงสงบ ก็พบชายนอนคว่ำหน้าเสียชีวิต กลางทุ่งนา จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ