
วันที่ 18 พ.ย. 2567. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 17 พ.ย.2567 ร.ต.ท.ปริฉัตต์ ทาบทอง รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ บนถนน ทล.22 สายสกนคร-นครพนม ช่วงบ้านหัวโพน รอยต่อกับบ้านดอนยางนาง ต.นาทราย อ.เมือง หลังรับแจ้งจึงประสานรถดับเพลิง อบต.นาราชควาย รุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าที่ ปภ.นครพนม










ที่เกิดเหตุเป็นถนน 4 เลน ฝั่งขาเข้าตัวเมือง พบรถกระบะยี่ห้อวีโก้ สีดำ 4 ประตู ทะเบียน ขข 3567 นครศรีธรรมราช สภาพรถไหม้วอดทั้งคันดำเป็นตอตะโก มีหญิงสาวคนขับทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.เมราณี อายุ 31 ปี ชาว อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ทำงานที่อุตสาหกรรม จ.สกลนคร หลังเกิดเหตุหนีลงจากรถได้ทัน แจ้งว่าลืมโทรศัพท์ไว้ในตัวเมือง พลเมืองดีที่มาพบพาไปเอาโทรศัพท์หลังแวะไปกินข้าวที่ร้านอาหารใน ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม
จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.เมราณี คนขับรถกระบะวีโก้คันดังกล่าว ขับจากไปงานผ้าป่ากับเพื่อนที่ จ.มุกดาหาร ขากลับไปส่งญาติที่สนามบินนครพนม ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร ขากลับนึกได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบ้านดอนโมง ต.หนองญาติ จึงขับย้อนจะกลับไปเอาก่อนกลับบ้านที่ จ.สกลนคร
ขณะมาถึงที่เกิดเหตุมีพลเมืองขับรถจักรยานยนต์ตามหลังมา พบประกายไฟด้านข้างตัวรถ แต่เจ้าตัวคงไม่รู้ ก่อนเกิดประกายไฟลุกไหม้ลุกลามตัวรถอย่างรวดเร็วจนวอดทั้งคัน พลเมืองดีรายนี้มาดึงออกจากตัวรถ โชคดีที่ไม่บาดเจ็บและเสียชีวิต
ผู้พบเห็นเห็นการณ์กล่าวว่า ได้ขับรถตามหลังรถคันนี้มา พบเห็นรถคันนี้มีสะเก็ดไฟที่ล้อหน้าขวา แต่คาดว่าเจ้าตัวคงไม่รู้ จึงรีบขับรถตามไป เปิดประตูกระชากหญิงคนขับรายนี้ออกมาจากรถ แต่ยังไม่มีอุปกรณ์ดับไฟ เกรงว่ารถจะระเบิด บังเอิญรถบรรทุกโม่ปูน 2 คันผ่านมาประสบเหตุ จึงได้ฉีดน้ำเลี้ยงที่อยู่ในถังพัก ก่อนที่รถดับเพลิงของ อบต.นาราชควาย จะมาฉีดน้ำระงับเปลวเพลิงนาน 5 นาที หลังเพลิงสงบเพลิงไหม้วอดเสียหายทั้งคัน
หลังเกิดเหตุ น.ส.เมราณี จึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองนครพนม เนื่องจากรถมีประกันภัย ก่อนที่จะประสานรถลากนำซากรถคันที่เกิดเพลิงไหม้ไปเก็บรักษาไว้ที่ สภ.เมืองนครพนม