
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่กองบังคับการกรมทหารพรานที่ 21 ค่ายศรีสองรัก อ.เมืองเลย จ.เลย พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วยนายชัยพจน์ จรูญพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจับยาบ้าจำนวน 3,560,000 เม็ด พร้อมผู้ต้องหาสองราย และรถยนต์สองคัน ที่บริเวณริมแม่น้ำเหือง บ้านแก่งม่วง ต.น้ำทูน อ.ท่าลี่ จ.เลย

โดยการจับกุมยาบ้าล็อตใหญ่ครั้งนี้ สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีคนของผู้ค้ายาเสพติดเข้ามารับยาบ้าล็อตใหญ่ในพื้นที่อำเภอท่าลี่ จ.เลย เจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 2102 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพนทอง และสภ.ท่าลี่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอท่าลี่ และเจ้าหน้าที่ตชด. ได้ออกลาดตระเวณหาข่าว และตั้งด่านสกัดตามถนนเลาะเลียบแม่น้ำเหือง

จนกระทั่งวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 19.45 น. พบรถกระบะและรถเก๋งต้องสงสัยซึ่งเป็นรถจากต่างพื้นที่จอดอยู่บริเวณริมแม่น้ำเหือง ท้ายหมู่บ้านแก่งม่วง ต.น้ำทูน อ.ท่าลี่ มีชายและหญิงเป็นคนขับ เจ้าหน้าที่จึงขอเข้าตรวจสอบ พบว่ามียาบ้าซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะซึ่งผู้หญิงเป็นคนขับ จำนวน 8 กระสอบ ส่วนผู้ชายขับรถเก๋ง เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวทั้งสองคนพร้อมของกลางมาดำเนินการตามกฏหมายที่ สภ.โพนทอง โดยผู้ต้องหาหญิงทราบชื่อคือนางสาวสุภาพร จันทร์รัมย์ อายุ 37 ปี เป็นชาวจังหวัดสระบุรี ส่วนผู้ชายทราบชื่อคือนายวันเฉลิม คำเวียง อายุ 35 ปี เป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี

พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า จากการสอบสวนและสืบสวนทราบว่า ยาบ้าล็อตนี้มีปลายทางในพื้นที่ตอนกลางของประเทศไทย หากหลุดรอดไปได้ จะสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติเป็นอย่างมาก โดยมีมูลค่าขั้นต่ำกว่า 170 ล้านบาท ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ได้รับว่าจ้างจากนายทุนในภาคกลางให้มารับยาบ้าเป็นเงิน 20,000 บาท พร้อมยาบ้าอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากยาบ้าแล้ว ยังพบซองยาเสพติดชนิดใหม่ที่กลุ่มวัยรุ่นกำลังนิยม มีลักษณะเป็นผง ชงน้ำดื่ม เสพแล้วทำให้มีความสุขชั่วคราว แต่มีฤทธิ์ทำลายสมอง ซึ่งถือเป็นของแถมที่ช่วงหลังมักพบปะปนมากับยาบ้า มูลค่าตามแนวชายแดน ซองละ 3,000 บาท
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า เหตุที่มียาบ้าทะลักเข้าพื้นที่จังหวัดเลย ด้านอำเภอท่าลี่ เนื่องจากแม่น้ำเหืองตื้นและแคบ ประกอบกับถนนฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้ก่อสร้างเสร็จแล้วหลายสาย ทำให้สะดวกต่อการขนยาบ้าข้ามเข้ามา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้ป้องกันปราบปรามอย่างเต็มที่ โดยจะมีการขอหมายจับสากลนำตัวนายทุนที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นต้นทางของยาเสพติดมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งขณะนี้กำลังสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน มั่นใจว่าจะสามารถจับกุมได้แน่นอน แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว