
ที่ตลาดต้นสน ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดมหกรรมโคแสนล้าน ภายใต้โครงการส่งเสริมองค์ความรู้ และพัฒนาศักยภาพเกษตรกรไทย โดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านาและชุมชนเมืองแห่งชาติ ร่วมกับกรมปศุสัตว์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และหน่วยงานภาคีทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามล, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, คณะกรรมการสมาชิกเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง กว่า 1,000 คนเข้าร่วมงาน มุ่งสร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากไปสู่ความเข้มแข็งและยั่งยืน



นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญและเชื่อมั่นในความเข้มแข็งของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งมีอยู่ทุกหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศ จำนวน 79,610 แห่ง มีสมาชิกทั่วประเทศกว่า 13 ล้านคน ถือเป็นกำลังหลักในการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยสามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนทั่วประเทศได้เป็นอย่างดี จึงได้สนับสนุนให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมุ่งเน้นให้กองทุนหมู่บ้านเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียน เพื่อการลงทุนในการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ของประชาชนในชุมชน มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการออมของประชาชน เพื่อความมั่นคงในรากฐานของชีวิตและครัวเรือน การจัดระบบสวัสดิภาพ สวัสดิการของหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันทางสังคม โดยจัดสรรงบประมาณตั้งต้นให้กองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาทในระยะแรก และมีการเพิ่มทุนในระยะต่อมา พร้อมทั้งได้สนับสนุนงบประมาณในการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ซึ่งนับตั้งแต่รัฐบาลได้มีมติเห็นชอบโครงการ “โคแสนล้าน” นำร่อง” ถือเป็นเครื่องมือในการแก้ไขความยากจน รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยการให้โอกาสประชาชนบริหารจัดการ และการมีส่วนร่วมของสมาชิกในชุมชน เพื่อสนับสนุนการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนให้ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เกิดความยั่งยืนและมั่นคง
ด้าน นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กล่าวว่า ทั้งนี้ การขับเคลื่อนการดำเนินโครงการโคแสนล้าน สทบ. ได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมหลักสูตร “อาสาปศุสัตว์” ภายใต้โครงการ “โคแสนล้าน” นำร่อง เพื่อพัฒนาทักษะด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคให้มีคุณภาพ การปรับปรุงพันธุ์ให้มีคุณภาพ และตรงกับความต้องการของตลาด ให้กับ “อาสาสมัครชุมชน” ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวน 13 รุ่น รวม 1,500 คน ตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน 2567 เพื่อเป็นการพัฒนาและเพิ่มทักษะให้กับอาสาสมัครชุมชนของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งได้รับองค์ความรู้และการพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคให้มีคุณภาพ การปรับปรุงพันธุ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด สร้างความมั่นคงทางอาหาร และเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาอาชีพการเลี้ยงโคคุณภาพสูง โดยสมาชิกกองทุนฯ ที่ผ่านการอบรมจะได้รับใบประกาศนียบัตร และบัตรประจำตัวขึ้นทะเบียนอาสาปศุสัตว์จากปศุสัตว์จังหวัด เพื่อนำไปต่อยอดโอกาสการอบรมสัตวบาลอาสาต่อไป
นายธนัทเมศร์ ธนาพลอมรกิตติ์ ในนามบริษัท วี อาร์อะไกร(ประเทศไทยจำกัด) สต๊อกโฮม แอท โครงการเนื้อตักสิลาบีฟ มหาสารคาม กล่าวว่า โครงการเนื้อตักสิลาบีฟ ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หอการค้า สำนักงานเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฎ จังหวัดมหาสารคาม เนื่องจากโคเนื้อตักสิลาบีฟ เป็นโคเนื้อ ที่พัฒนา โดยจังหวัดมหาสารคาม จุดเริ่มต้นของขบวนการผลิตโคเนื้อตตักลิลา คือ การส่งเสริมให้เกษตรกร ที่มีโคเนื้อหรือโคลูกผสมพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัด ที่มีเกษตรกร เพราะเลี้ยงอยู่แล้ว นำมาผสมกับ โคเนื้อวากิว ซึ่งเป็นสายพันธุ์ญี่ปุ่น เนื้อนุ่ม มีคุณภาพสูง และเป็นที่นิยมของตลาดผู้บริโภค และเมื่อผสมแล้วจะได้โคเนื้อลูกผสม จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการขุนวัว โดยซื้อลูกวัวทั้งตัวผู้และตัวเมียกลับคืนในราคาลูกวัวประเภท F1 ราคา 100 f2 ราคา 110 และ f3 ราคา120 บาท ต่อกิโลกรัม