
เมื่อเวลา 01.27 น.วันที่ 6 ธันวาคม 2567 ร.ต.อ.หญิง วิลาสินี อาษานาม รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ มีเหตุยิงกันที่ตลาดรถไฟ 2 เขตเทศบาลนครอุดรธานี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกยิงบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ขณะนี้ได้มีพลเมืองดีนำส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลกรุงเทพอุดรธานี หลังจากได้รับแจ้งจึงรีบไปที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ชัยรัตน์ ประสาระพันธ์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส.และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน











ที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถด้านหลังตลาดรถไฟ พบคาบเลือดที่พื้นถนน กระติกน้ำแข็งสีเขียว ปลอกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 2 ปลอก ปลอกกระสุนขนาด 9 มม. 2 ปลอก เจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน ผู้บาดเจ็บทราบชื่อว่า นายธีรภัทร ธรรมวงษา อายุ 18 ปี ชาว ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดเข้าที่หน้าอกขวา กระสุนฝังใน ขณะนี้แพทย์ได้นำเข้าห้องผ่าตัด ส่วนอีกคนทราบชื่อว่านายศุภวิชญ์ ศรีภักดี หรือโอม อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 205 หมู่ 16 ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดเข้าที่หน้าอกซ้ายทะลุปอดและได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ต่อมา จนท.ตำรวจได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ พบกลุ่มอริจับกลุ่มเคลียร์ปัญหากัน แต่เคลียร์ไม่ได้ จากนั้นก็ยิงกัน ซึ่งในภาพวงจรปิด ชาวบ้านได้พากันวิ่งหลบหนีกลัวโดนลูกหลง ซึ่งมีเห็นชายถือปืนออกมา
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายกรรชิต กันสกุล อายุ 37 ปี ชาว จ.อยุธยา เพื่อนรุ่นพี่คนบาดเจ็บและคนตายให้การว่า พวกตนชวนกันมาดูคอนเสิร์ต “ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์” ในงานประจำปีทุ่งศรีเมือง และพบคู่อริของเพื่อนรุ่นพี่ผู้ตาย และได้พยายามเคลียร์แต่เคลียร์กันไม่ได้ เพราะตำรวจบอกว่ารบกวนคนในงาน หลังคอนเสิร์ตเลิกจึงพากันขับรถมาเคลียร์กันที่ตลาดรถไฟ แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง และก็เริ่มวุ่นวาย ต่างคนต่างโวยวายเสียงดังใส่กัน หลายคนเริ่มชุลมุนเริ่มจะชกต่อยกัน จากนั้นก็ยิงกันในตลาดมาเรื่อยๆ แล้วมีผู้หญิงขับขี่รถจักรยานยนต์มารับคนยิงส่งโรงพยาบาล
“คนยิงและคนตายมีเรื่องทะเลาะกันมา 2-3 ปีแล้ว เคลียร์กันในคอนเสิร์ตไม่จบ เพราะเจ้าหน้าที่ไล่เสียก่อน เพราะไปรบกวนคนที่มาดูคอนเสิร์ต หลังคอนเสิร์ตเลิกทั้งสองกลุ่มประมาณ 200-300 คน เลยขับรถมาเรื่อยๆ แล้วมาเคลียร์กันที่ตลาด พอชุลมุนก็โดนยิงทั้ง 2 คน”
ทางด้านนายสำเภา พวงแก้ว อายุ 53 ปี รปภ.โรงพยาบาลกรุงเทพอุดร ให้การว่า หลังเพื่อน ๆ ของผู้ได้รับบาดเจ็บนำผู้บาดเจ็บมาส่งโรงพยาบาล ก็มีกลุ่มผู้หญิง 5-6 คนวิ่งมา จะเข้าไปโรงพยาบาล แต่ตนได้ห้ามไว้ จึงให้ไปอยู่หลังรถยนต์ แล้วก็มีผู้ชายโพกผ้าสีแดงถือปืนตามมาเล็งจะยิง ตนก็บอกว่าตนไม่เกี่ยวเป็น รปภ.โรงพยาบาล และบอกว่ากลุ่มผู้ชายวิ่งไปทางโน้นแล้ว คนถือปืนเลยไม่ยิง แล้ววิ่งไปทางที่ตนบอก ตนคิดว่าจะตามมายิงผู้หญิง ตนจึงป้องกันผู้หญิงไว้ก่อน”
ต่อมาได้มีนายเกรียงไกร เกษชมภู อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 286 หมู่ 7 บ้านดอนอุดม ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมของกลางอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี โดยนายเกรียงไกร อ้างว่า ตนมาดูคอนเสิร์ตกับกลุ่มเพื่อน ตนไม่รู้เรื่องเดินออกมาก็โดนคนตายได้ชกตน จากนั้นทั้งสองกลุ่มมีการนัดเคลียร์กันที่ตลาด แต่เคลียร์ไม่จบ เพราะเขาหาว่าตนไปทำร้ายกลุ่มอริก่อน
“จากนั้นเขาก็เอาหมวกกันน็อคฟาดหัวผม ก็เลยชักปืนยิงสวนไป 1 นัด และวิ่งออกมายิงขึ้นฟ้าอีก 1 นัด ส่วนอาวุธปืนและกระสุนปืนผมสั่งซื้อทางออนไลน์ ราคา 2 หมื่นบาท ในปืนมีกระสุนขนาด .38 จำนวน 2 นัด ส่วนที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน 4 ปลอก ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร เพราะปืนมันมีเยอะมาก ซึ่งผมอยากขอโทษญาติคนตาย ผมขออโหสิกรรม ผมไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขาเอาหมวกกันน็อคตีผมก่อน”
น.ส.นรินทิพย์ แทนสีดา อายุ 48 ปี แม่ผู้ตาย เปิดเผยว่า หลังลูกชายเรียนจบ ก็ไปทำงานโรงงานกับญาติที่กรุงเทพฯ พึ่งกลับมาบ้านได้ 2-3 เดือน แล้วไปทำงานกับนายกรรชิต รุ่นพี่ ก่อนเกิดเหตุ เช้าวันนี้ตนทักไลน์ไปบอกลูกชายว่า วันนี้เป็นวันเกิดแม่ ลูกชายจึงถามตนว่าอยากกินอะไร ตอนเที่ยงวันนี้ ลูกชายได้ซื้อปลาเผากับเค้กมาให้ที่บ้าน แต่ตนไปร้านเสริมสวยจึงไม่ได้พบกัน กระทั่งดึกลูกสาวโทรมาบอกว่า ลูกชายโดนยิง แต่ก็ยังไม่เชื่อ ตนก็นั่งรอฟังข่าว
“รอไม่นานหมอโรงพยาบาลกรุงเทพก็โทรหาตน ว่าลูกโดนยิงกำลังปั๊มหัวใจ ให้ตนทำใจ ตนก็บอกให้รอตนก่อนเพราะบ้านอยู่ไกล แต่พอมาถึงลูกก็เสียชีวิตแล้ว เพราะหมอปั๊มได้แค่ 30 นาที ซึ่งตนไม่มีลางสังหรณ์อะไรเลย รู้สึกเสียใจมากเพราะมีลูกชายคนเดียว อยากให้ตำรวจจับมือยิงมาดำเนินคดีตามกฎหมาย”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหานายเกรียงไกร มือยิงว่า “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมื่อง หมู่บ้าน และทางสาธารณโดยไม่เหตุอันควร” และจะได้สืบสวนหาเจ้าของปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม.จำนวน 2 ปลอกที่ตกในที่เกิดเหตุ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป