
จากกรณีที่เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 23 ธันวาคม 2567 ร.ต.ท.วิฆเนศ ซื่อตรง รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งมีผู้ชายต้องสงสัย เข้ามาพยายามลักพระพุทธรูป และทำลายทรัพย์สินภายในศาลหลักเมืองอุดรธานี ถนนอธิบดี เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงนำกำลังสายตรวจ 191 รุดไปตรวจสอบ พบเจ้าหน้าที่ศาลหลักเมืองชี้ให้จับชายที่เข้ามาก่อกวนและใช้เท้ากระทืบก๊อกน้ำประปาหักพังเสียหาย ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัว สอบสวนทราบชื่อนายคมสันต์ จันทร์ทอง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 208 หมู่ 7 ต.ขุหลุ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ตรวจค้นย่ามพบมีดพร้า 1 เล่ม จึงควบคุมตัวไปทำการสอบสวน













จากการสอบสวน นายคมสันต์ ให้การว่า เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนตนเดินทางมา อุดรธานี ตั้งใจมาหาพระอาจารย์ที่รู้จักกัน แต่หาไม่พบประกอบกับเงินหมด จึงเร่ร่อนอยู่ในเมืองอุดรธานี หาเก็บอาหารจากถังขยะประทังชีวิต วันนี้ตนเก็บผ้าสไบสีเหลืองได้จากถังขยะ 2 ผืน จึงนำไปซักในหนองประจักษ์จนสะอาดผึ่งให้แห้ง และนำมาห่มพระพุทธรูปในศาลพระพุทธโพธิ์ทองแต่ผู้ดูแลศาลได้ไล่ตนออกจากศาล ตนจึงเดินลงจากศาลไปเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างหน้า รปภ.ก็มาไล่ตนอีก ตนโมโหจึงให้เท้ากระทืบก๊อกน้ำจนหัก และหยิบมีดออกมาโชว์ ก็มาถูกตำรวจจับ จากนั้นตำรวจจึงตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด พบฉี่เป็นสีม่วง จึงแจ้งข้อหา “ ทำให้เสียทรัพย์ พกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณโดยไม่มีเหตุอันควร เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาในเวลา 09.00 น.วันที่ 24 ธันวาคม พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี สั่งการให้ พ.ต.ท บรรจง พาโคตร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี นำตัวนายคมสันต์ มาสอบสวนขยายผล เพราะนายคมสันต์มีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับผู้ก่อเหตุพยายามขโมย องค์เทพารักษ์ รูปหล่อด้วยทองเหลือง สูง 1 เมตร ที่อยู่ในศาลเทพารักษ์ ถนนศุภากิจจรรยา เขตเทศบาลนครอุดรธานี ตรงข้ามสวนสาธารณหนองประจักษ์ศิลปาคม ในคืนวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกล้องวงจรปิดที่หน้าร้านขายดอกไม้และเครื่องสักการะบันทึกผู้ต้องสงสัยไว้ไว้ได้ จากการสอบสวน นายคมสันต์ ได้ให้การรับสารภาพ ในคืนวันที่ 21 ธ.ค.ได้เข้าไปไหว้ศาลเทพารักษ์เพื่อขอพร ได้กินน้ำแดง และนั่งสมาธิเท่านั้น เสร็จแล้วได้โยกองค์เทพารักษ์ แต่ใต้ฐานโดนล็อคไม่ได้ลักอะไรไป แต่การก่อเหตุครั้งนี้ทำให้ฐานองค์เทพารักษ์ร้าว ตำรวจแจ้งข้อหา “พยายามลักทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์”
จากนั้นในเวลา 13.00 น.วันเดียวกัน (วันที่ 24 ธ.ค.67) พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชัยรัตน์ ประสารพันธ์ รอง ผกก.ป.และ พ.ต.อ.อารีย์ สินธุรา รอง นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี นำกำลังควบคุมตัวนายคมสันต์ ผู้ต้องหาไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพราะคดีดังกล่าว ประชาชนชาวเมืองอุดรธานี ให้ความสนใจ เนื่องจากคนร้ายพยายามขโมยสิ่งศักดิ์สิทธิคู่บ้านคู่เมืองอุดรธานี
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายคมสันต์ไปชี้จุดแรกที่ก๊อกน้ำภายในศาลหลักเมือง ที่ใช้เท้ากระทืบก๊อกน้ำประปาพังเสียหาย เสร็จแล้วคุมตัวไปชี้จุดที่ศาลเทพารักษ์ ที่นายคมสันต์เข้าไปจับโยกองค์เทพารักษ์ซึ่งหล่อด้วยทองเหลือง สูงประมาณ 1 เมตร ตำรวจให้นายคมสันต์กราบขอขมา ที่ล่วงเกินองค์เทพารักษ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอุดรธานี เสร็จแล้วคุมตัวกลับโรงพักไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
น.ส.วิภาวดี นนทบุตร อายุ 47 ปี เจ้าหน้าที่ศาลหลักเมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.คนร้ายเข้ามาที่ศาลหลักเมือง 3 ครั้ง โดยครั้งแรกเข้ามาตอน 11.00 น. ถือผ้าสไบมาเปลี่ยนองค์พระในศาลพระพุทธโพธิ์ทอง มีเจ้าหน้าที่มาบอกให้ไปขออนุญาตผู้จัดการก่อน จะเปลี่ยนโดยพละการไม่ได้ คนร้ายอ้างว่าซื้อมาเปลี่ยนให้เองทำไมต้องขออนุญาต ครั้งที่ 2 เวลา 17.00 น. คนร้ายคนเดิมได้ถือไขขวงมานั่งอยู่ข้างตู้บริจาค มีลักษณะไม่น่าไว้วางใจ รปภ.จึงบอกให้ออกไป ครั้งที่ 3 คนร้ายเข้ามาบนศาลาพระพุทธโพธิ์ทอง พยายามจะลักพระพุทธชินราช รปภ.จึงไล่ออกไปอีก จากนั้นคนร้ายก็ไปใช้เท้าถีบก๊อกน้ำประปาจนหัก แล้วชักมีดออกมาขู่ รปภ. จึงได้แจ้งตำรวจมาจับกุม
พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณนายกเทศบาลนครอุดรธานี ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมาได้ประสานงานกันเรื่องกล้องวงจรปิด จึงทำให้บันทึกภาพผู้ก่อเหตุได้ตั้งแต่วันก่อเหตุ ชุดสืบสวนจึงออกติดตาม และชุดปราบปรามสามารถจับได้ที่สุด ถึงแม้ผู้ก่อจะปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด แต่หลักฐานบ่งชี้ว่าประสงค์ต่อทรัพย์ เนื่องจากผู้ต้องหามีประวัติเสพยาเสพติด น่าจะนำไปขายเพื่อซื้อยาเสพ คาดว่าน่าจะลงมือเพียงคนเดียว
พ.ต.อ.อารีย์ สินธุรา รองนายกเทศมนตรีนครอุดรธานี กล่าวว่า ขอบคุณตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ที่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เนื่องจากศาลเทพารักษ์ และศาลหลักเมืองอุดรธานี เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวอุดรธานี ส่วนการป้องกัน ทางเทศบาลนครอุดรธานีจะใช้กล้องวงจรปิดเป็นหลัก และให้สายตรวจ 191 ตรวจถี่ขึ้น เพื่อป้องกันเหตุในอนาคต ทางเทศบาลนครอุดรธานี จะได้ทำประตูลูกกรงอลูมิเนียมให้แน่นหนา มีเวลาเปิดและปิด 08.00-20.00 น. เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก