
ขอนแก่น ร่วมกับองค์กรวินร็อคอินเตอร์แนชั่นแนล แถลงผลการดำเนิน โครงการหยุดเผาลุ่มน้ำซี หลังลงพื้นที่ปฏิบัติการ 4 เดือน 4 จังหวัดพบจุลินทรีย์เป็นทางเลือกที่จะช่วยลดการเผา ลด PM2.5 และเพิ่มผลผลิต เดินหน้าเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมของเกษตรกรรมให้หลีกเสี่ยงการเผาตอชัง













วันที่ 29 ม.ค. 2568 ที่ สถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยขอนแก่น นายยุทธพร พิรุณสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าว โครงการหยุดเผาลุ่มน้ำชี (ขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และมหาสารคาม) โดยมีนายวิลเลี่ยม สปาร์กส์ ผู้อํานวยการโครงการเรน พร้อมด้วย ดร. ชนากานต์ พุธโธ กุพชกะ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ โครงการเรน, รศ.ดร.ไกรเลิศ ทวีกุล ผู้ประสานงานโครงการ Chi river No Burn นักวิชาการ เกษตรกรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานแถลงข่าว
นายวิลเลี่ยม สปาร์กส์ ผู้อํานวยการโครงการเรน เปิดเผยว่า ปัญหาฝุ่นควันพิษ PM 2.5 ต้นเหตุสำคัญมาจากการเผาตอซังหลังการเก็บเกี่ยว เป็นปัญหาของภาคเกษตรไทยและต่อสาธารณสุขในระดับประเทศ โครงการความร่วมมือระหว่างภูมิภาคด้านนวัตกรรมการเกษตร (USDA Thailand Regional Agricuture Innovation Network: RAIN) หรือโครงการเรน จึงมีแนวคิดในการเข้ามาสนับสนุนแก้ไขปัญหาดังกล่าวเละขับเคลื่อนการใช้ผงจุลินทรีย์ย่อยสลายตอชังข้าวของเกษตรกรที่ทำนาปรังเป็นทางเลือกแทนการเผา
“โดยได้ทำ “โครงการหยุดเผาลุ่มน้ำซี” ที่จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และมหาสารคาม ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 มุ่งเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมของเกษตรกรมให้หลีกเสี่ยงการเผาตอชัง ด้วยการใช้ผงจุรินทรีย์ ซึ่งผงจุลินทรีย์สามารถย่อยสลายตอชังได้ภายในระยะเวลา 14 วัน ทันเวลาให้ชาวนาเตรียมพื้นที่เพื่อการเพาะปลูกครั้งต่อไป และช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสมต่อเกษตรกรแทนการเผา และเสริมนโยบายของรัฐบาลในการลดปัญหาฝุ่นควันพิษ PM 2.5 จากภาคการเกษตร โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาชาวนากว่า 6,000 คนได้เข้าอบรมและนำผงจุลินทรียไปใช้ ทั้งนี้ ทางโครงการฯ ต้องการให้ชาวนาใช้ผงจุลินทรีย์แทนการเผาอย่างต่อเนื่อง จึงต้องการความร่วมมือที่มาจากภาครัฐ ภาคเอกชน และสังคม”
ด้าน ดร. ชนากานต์ พุธโธ กุพชกะ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ โครงการเรน กล่าวว่า โครงการเรนได้รับเงินสนับสนุนจากโครงการ Food for Progress ของกระทรวงเกษตรแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (USDA) และดําเนินการโดย องค์การวินร็อค อินเตอร์เนชั่นแนล มุ่งอํานวยความสะดวกในการนํานวัตกรรมที่เท่าทันภูมิอากาศมาใช้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิต ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และทําให้ตลาดทางการเกษตรในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตขึ้น
ซึ่งจากการฟังเสียงของประชาชนหลังจากที่ทดลองใช้จริงพบว่าประชาชนส่วนใหญ่พอใจกับการใช้ผงจุลินทรีย์และต้องการเป็นตัวแทนส่งต่อให้กับเกษตรกรรายอื่นๆ ซึ่งโครงการ เรนมีเป้าหมายส่งเสริมนวัตกรรมเท่าทันภูมิอากาศ 30 รายการ ให้กับเกษตรกร 30,000 รายที่ปลูกพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศไทย ได้แก่ ข้าว มันสําปะหลัง และพืชสวน ภายในพ.ศ. 2570 และโครงการเรนจะจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมเท่าทันภูมิอากาศระหว่างประเทศของ USDA ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเวลาดังกล่าวด้วย