
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่หน้า กองบังคับการ ตำรวจภูธร จ.อุดรธานี นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผวจ.อุดรธานี พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช รรท.ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.อนุศักดิ์ ศักดาวัชรานนท์ รอง ผบก. พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ชัยรัตน์ ประสารพันธ์ รอง ผกก. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายพิพัฒน์ นนทะปัญญา หรือแม็ค อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 187 หมู่ 2 ต.โพนงาม อ.หนองหาน จ.อุดรธานี พร้อมของกลาง ยาบ้า 796,000 เม็ด รถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ มิราจ สีเขียว ทะเบียน กบ.8702 อุดรธานี โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ในข้อกล่าวหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย มีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ในร่างกายขณะขับรถยนต์ จับกุมได้ที่หน้าวัดสว่างสามัคคี บ้านสามพร้าว หมู่ 2 ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีคลิปวงปิด ขณะตำรวจเข้าจับกุม





พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทางตำรวจได้รับการประสานจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี ว่ามีประชาชนได้ร้องขอความช่วยเหลือด้านความปลอดภัยในทรัพย์สินและทรัพย์สิน บริเวณถนนบ้านดอนภู่- สามพร้าว ต.สามพร้าว ซึ่งเชื่อว่าเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด หรือเส้นทางโจร ต่อมาพ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี จึงได้สั่งการให้ตำรวจสายตรวจ 191 ไปตั้งด่านในเวลากลางคืนบริเวณถนนสายดังกล่าว เพื่อป้องปรามอาชญากรรม และและสกัดกั้นยาเสพติด เพิ่มความเข้มในการตรวจพื้นที่ และให้ความอุ่นใจกับประชาชน โดยให้ตั้งจุดตรวจจนสามารถยึดยาบ้า และจับกุมพ่อค้ายาบ้าได้เกือบ 8 แสนเม็ด ซึ่งเป็นการประสานความร่วมมือกันระหว่างฝ่ายปกครองและตำรวจ
พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ ฯ เปิดเผยต่อว่า สืบเนื่องจากคืนวันที่ 31 ม.ค.2568 ได้รับแจ้งจากกำนันและผู้ใหญ่บ้านว่า พบยาบ้า 43,600 เม็ด บรรถุกระสอบ ถูกนำมาทิ้งไว้ริมถนนบ้านสามพร้าว-ดอนภู่ จึงได้ออกไปตรวจยึด คาดว่าแก๊งค้ายาบ้าจะนำยามาส่งมอบ แต่ชาวบ้านมาพบเสียก่อน จึงได้สั่งการให้มีการตรวจและตั้งด่านบริเวณถนนดังกล่าวถี่ขึ้น กระทั่งเวลา 23.00 วันที่ 4 ก.พ. ร.ต.อ.สถาพร สวัสดี รอง สวป. ได้นำกำลังสายตรวจจำนวน 15 คน ไปตั้งจุดตรวจถนนสายดังกล่าว
ขณะที่ตำรวจสายตรวจขับรถตราโล่ไปตามเส้นทางและใกล้ถึงจุดตั้งด่าน ก็ได้พบชายคนหนึ่งขับรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ มิราจ สีเขียว ติดสติกเกอร์กู้ภัยมูลนิธิแห่งหนึ่งในอุดรธานีที่หลังคารถเปิดสัญญาณไฟไว้ จอดอยู่ริมถนนก็นึกว่าเป็นเป็นจิตอาสาจะมาช่วยตั้งด่าน แต่พอพบรถตำรวจรถเก๋งคันดังกล่าวกลับขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ตำรวจเห็นว่าผิดปกติ จึงได้ขับรถไล่ตามไป และสามารถสกัดจับรถคันดังกล่าวได้ พบว่ามีนายพิพัฒน์ หรือแม็ค ซึ่งเป็นอาสากู้ภัยมูลนิธิดังกล่าวเป็นคนขับรถ ตรวจค้นพบยาบ้า 3 กระสอบ หรือ 796,000 เม็ดอยู่เบาะหลัง จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองอุดรธานี
พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ กล่าวต่อไปอีกว่า จากการสอบสวนนายพิพัฒน์ ให้การรับสารภาพว่า เป็นอาสากู้ภัยมา 10 ปี ตอนนี้ได้ลาออกแล้ว เมื่อตกงานก็ได้มารับจ้างส่งยาบ้าให้นาย ย.นามสมมติ ชาวอำเภอบ้านดุง จ.อุดรธานี โดยขับรถเก๋งมารับยาบ้าบริเวณถนนดอนภู่-สามพร้าว เพื่อนำไปส่งลูกค้าตามที่นาย ย. สั่ง โดยจะได้ค่าจ้าง 4,000-5,000 บาท ตนพึ่งทำเป็นครั้งแรกก็โดนจับได้เสียก่อน ซึ่งตำรวจไม่เชื่อคำให้การของนายแม็ค จึงได้ตรวจสอบโทรศัพท์
ในโทรศัพท์พบว่านายทุนชื่อ ย.มีการสั่งการให้นายแม็คไปรับยาบ้าตามจุดและนำยาบ้าไปส่งลูกค้าตามจุด และโอนเงินค่าจ้างให้ จึงนำตัวนายแม็คไปตรวจค้นบ้านและติดตามไปบ้านนาย ย. ปรากฏว่านาย ย. ไหวตัวทันได้หลบหนีไป ซึ่งตำรวจจะได้สอบสวนขยายผลเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับเครือข่ายาบ้านาย ย. นายทุนหรือผู้ว่าจ้าง และเครือข่ายยาบ้าทั้งหมด จนถึงการยึดทรัพย์ต่อไป
นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผวจ.อุดรธานี กล่าวว่า ที่จริงเป็นหน้าที่ของภาคีเครือข่ายทุกๆ ฝ่าย ทุกด้านที่ช่วยกันระมัดระวัง ในการทำงานหรือการปฏิบัติหน้าที่ หรือแม้แต่การใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ บางครั้งในกิจกรรมเหล่านั้นมีโอกาส มีโอกาสช่องทางของผู้ไม่ประสงค์ดี ใช้โอกาส ช่องทางเหล่านั้นทำสิ่งที่ไม่ดี จึงขอฝากพี่น้องโดยเฉพาะภาคประชาชน หรือประชาสังคม ร่วมกันทำงาน มาช่วยกันกลั่นกลอง ช่วยกันไตร่ตรอง คัดเลือกผู้ที่มีเจตจำนง หรือมีจิตอาสาแท้ๆ อย่าให้คนไม่ดีเข้ามาใช้โอกาสที่ไม่ถูกต้อง ขอฝากไว้ด้วย