
สุรินทร์-คืบหน้าเหตุแค้นฝังหุ่น 2 ปี ชักมีดปลายแหลมจะแทงพนักงานร้านจำหน่ายมือถือในห้างดัง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งผู้ก่อเหตุจะมามอบตัวแต่ไม่มา จึงขอออกหมายจับทันที

คลิปวงจรปิดในห้างดัง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เหตุอุกอาจเกิดขึ้นในร้านขายโทรศัพท์มือถือ ชายคนก่อเหตุ รูปร่างท้วม (สวมเสื้อดำ แขนยาว) เดินปรี่มาหาชายผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพนักงานของร้าน ทั้ง 2 คน คุยอะไรกันบางอย่างได้สักพัก ผู้ก่อเหตุก็เปิดก่อนสาวหมัดไล่ต่อย ก่อนชักมีดเหน็บไว้ที่เอว ออกมาพยายามไล่แทง แต่ผู้เสียหายไม่สู้ถอยหนีเข้ามาหลังเคาต์เตอร์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ลูกค้าหลายคนที่ยืนเลือกซื้อสินค้าในร้านรวมถึงพนักงานร้านตกใจวิ่งหนีออกจากร้าน หลังเกิดเรื่อง นาย ธนากร หาญสกุล อายุ 28 ปี ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ก่อนผู้เสียหายคือนายธนากร ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ปราสาท พร้อมยืนยันว่าผู้ก่อเหตุ จำชื่อได้ว่า “นายบั๊ฟ” ( นายโยธิน อินทรกำแหง) อายุ 28 ปี เข้ามาหาบอกให้ลงไปคุยกันข้างล่างห้างฯ แต่ตอนนั้นตนกำลังทำงานอยู่ นายบั๊ฟไม่พอใจยกกำปั้นต่อยหน้า 1 ครั้ง จากนั้นชักมีดเหน็บที่เอวไล่แทง นาย ธนากร เห็นท่าไม่ดี รีบวิ่งไปหลบหลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ผู้ก่อเหตุตะโกนบอกให้ตนขอโทษมาเดี๋ยวนี้ถึงจะไป แต่พอตนยอมเอ่ยคำ ขอโทษ ผู้ก่อเหตุยังไม่ยอมไปเอาแต่ยืนชี้หน้าด่า ๆ ไม่หยุด นาย ธนากร บอกว่า น่าจะเพราะความขัดแย้งครั้งเก่า (ช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2566) ที่ไปเที่ยวร้านเบียร์วุ้นในตัวอำเภอแล้วเข้าไปขอชนแก้วรอบวง ทำให้นายบั๊ฟ ซึ่งนั่งอยู่ในกลุ่มนักเที่ยวด้วยไม่พอใจ ตามทำร้ายตนในห้องน้ำ ซึ่งจากการชกต่อยกันทำให้ทองรูปพรรณ น้ำหนัก 1 บาทได้หายไป หลังเกิดเหตุคืนนั้นตนก็ไปแจ้งความ แต่คดีไม่คืบหน้า คาดว่าผู้ก่อเหตุผูกใจเจ็บ พอเห็นตนเองจึงเข้ามาล้างแค้นอย่างแน่นอน

ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ สภ.ปราสาท โดย มี พ.ต.อ.ยศศักดิ์ โพธิ์สุวรรณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจปราสาท ได้เปิดเผยว่าได้ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ได้ออกหมายเรียกมาในวันนี้หากยังไม่มาจะต้องดำเนินการตามกระบวนการของกฏหมายหรือออกหมายจับทันที
ด้านร้อยเวรปราบปรามตำรวจ สภ.ปราสาท ได้แนะนำให้กับ รปภ.ห้างได้สังเกตกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ โดยเฉพาะสวมเสื้อคลุม กระเป๋าเป๋ ต้องสังเกตและตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากเพิ่มความปลอดภัยในห้างและป้องกันเหตุอันไม่คาดคิดขึ้นมาได้
ด้าน ผู้เสียหาย นายธนากร กล่าวว่า ตอนนี้ตนเองถูกพักงานอย่างไม่มีกำหนด ทำให้ขาดรายได้ในการเลี้ยงครอบครัว เพราะจากเหตุการณ์ดังกล่าว อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ในองค์กรของร้านได้ จึงถูกพักงานไว้ก่อน ซึ่งตนเองยังผวากับเหตุการณ์อยู่ ยังไม่มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิต ซึ่งอาจต้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยหรือจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ล่าสุดชุดสืบสวนได้แกะรอยผู้ก่อเหตุ ตามบ้านเพื่อนอยู่ในขณะนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปยังบ้านแต่ถูกห้ามให้ถ่ายภาพ อีกทั้งยังไม่พบตัวของผู้ก่อเหตุ หากยังไม่มามอบตัวอีกครั้งจะออกหมายจับทันที