
จากกรณีที่มีคลิปภาพ โยมงง!ทำบุญปีใหม่ เจ้าอาสาสพังของถวาย-บาดเจ็บ ในโซเซียลติ๊กต่อง ซึ่งคลิปภาพจะเห็นว่าด้านล่างของศาลาข้าวของกระจุยกระจายของญาติโยมที่นำมาถวาย และเห็นเจ้าอาวาสแสดงอาการลักษณะโมโหและพูดจาขู่พร้อมกับเตะข้าวของ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม2567 ที่วัดศรัทธาวารี ต.ไพลขลา อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ พระราชวิมลโมรี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ พร้อมเจ้าคณะอำเภอชุมพลบุรี และกองงานเรขา เข้ามาสอบข้อเท็จจริง พร้อมด้วย พ.ต.อ.วรพงศ์ มดทอง ผกก.สภ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์, ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 และปกครองอำเภอชุมพลบุรี ได้มาพบกับพระครูกิตติ วรรโณภาส(สุภาพ กิตติวณ.โณ)เจ้าอาวาสศรัทธาวารี ซึ่งทางเจ้าอาวาสได้นอนจำวัดอยู่ในห้อง โดยทางผู้ใหญ่บ้านได้เข้าไปเคาะเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบ สอบถามทราบว่าเจ้าอาวาสนั้นหูตึง และป่วยเป็นโรคเข่าข้อเสื่อม โดยทางเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ได้นั่งรอประมาณ 1 ชั่วโมง พระครูกิตติ วรรโณภาส(สุภาพ กิตติวณ.โณ)เจ้าอาวาสศรัทธาวารี ตื่นและออกมาจากห้องเห็นก็รีบสวมห่มจีวร และรีบเข้ามากราบเจ้าคณะจังหวัด พร้อมกับได้พูดถึงเรื่องคลิปดังกล่าว่า ญาติโยมที่จะมาถวายของต้องแจ้งเจ้าอาวาสให้มารับ ซึ่งในวันที่เกิดเหตุนั้นได้มีนายสมคิด อินทร์งาม นำขอมาถวายพระเขียน อินทร์งาม ซึ่งเป็นญาติกัน แต่พระเขียนก็ไม่ได้ไปบอกพระครูกิตติ วรรโณภาส(สุภาพ กิตติวณ.โณ)เจ้าอาวาสศรัทธาวารี ให้ลงมารับ พอเจ้าอาวาสมาพบเห็น จึงเกิดอารมณ์โมโห เลยโยนและแตะของที่ญาติโยมนำมาถวายให้กับพระเขียน

จากนั้นพระราชวิมลโมรี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ได้พูดคุยถึงวินัยสงฆ์ให้เจ้าอาวาสฟัง แต่พระครูกิตติ วรรโณภาส(สุภาพ กิตติวณ.โณ)เจ้าอาวาสศรัทธาวารี ไม่ฟังพูดแต่เรื่องที่ญาติโยมนำของมาถวายและไม่ยอมบอกถึงขั้นเสียงดังและยังพูดว่าอย่างนี้ถึงขั้นฆ่ากันเลย ซึ่งทางเจ้าอาวาสได้ถามเจ้าคณะจังหวัดว่าจะสึกตนหรือ ทางเจ้าคณะจังหวัดพูดสวนว่าท่านไม่สึกก็ได้ แต่ปลดออกทุกตำแหน่งเลย ทำให้เจ้าอาวาสนิ่งไปพักใหญ่และไม่พูดอะไรต่อโดยน้ำจีวรมาเช็ดที่ตา ซึ่งทางเจ้าคณะจังหวัดก็จะรายงานไปยังสำนักพุทธและผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ จากนั้นต่อมามีหนังสือคำสั่งจากเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ถอดถอนพระสังฆาธิการจากตำแหน่งหน้าที่

ล่าสุดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ จ.สุรินทร์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาศูนย์วิทยุ สภ.ชุมพลบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าพบศพอดีตเจ้าอาวาสวัดศรัทธาวารี พระครูกิตติวัณโณภาส กิตติวัณโณ อายุ 75 ปี มรณภาพภายในวัดศรัทธาวารี ตำบลไพรขลา อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ จึงรายงานไปยัง พ.ต.อ.วรพงศ์ มดทอง ผกก.สภ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ พร้อมด้วยแพทย์เวร โรงพยาบาลชุมพลบุรี รุดเข้าตรวจสอบและร่วมกันชันสูตรพลิกศพ

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสองชั้นพบพระห่มจีวรนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้นตรวหน้าต่างชั้น 2 ของอาคาร ซึ่งเป็นห้องนอน ทราบชื่อต่อมาชื่อพระครูกิตติ วรรโณภาส(สุภาพ กิตติวณ.โณ)อดีตเจ้าอาวาสศรัทธาวารี มีบาดแผลที่หลังศีรษะแตกยุบ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบว่า หน้าต่างชั้น 2 ของกุฏิเปิดอยู่ ซึ่งเป็นที่นอนของอดีตเจ้าอาวาส และภายในห้องถูกล็อกจากด้านใน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมพลบุรีตรวจสอบภายในห้องนอนไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือบาดแผลฟกช้ำ คาดว่าอาจเป็นการตัดสินใจจบชีวิตตนเอง เพราะเครียดด้วยเรื่องถูกปลด และมีโรคประจำตัวรุมเร้าจึงคิดสั้นปิดกุฏิโดดหน้าต่างปลิดชีพตัวเองดังกล่าว

โดยพระครูกิตติวัณโณภาส ตกเป็นกระแสข่าวโด่งดัง จากเหตุการณ์ฉาว “เตะสังฆทาน” กลางพิธีทำบุญ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา และถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ชาวเน็ตหลายคนแสดงความคิดเห็นตำหนิพฤติกรรมดังกล่าว ส่งผลให้เกิดแรงกดดันจากสังคม จนต้องลาสิกขาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส
จากากรสอบถามชาวบ้าน เล่าว่า ตนมาถวายอาหารเช้าตามปกติ แต่ขณะกำลังเข้าห้องน้ำ ได้สังเกตเห็นผ้าเหลืองกองอยู่กับพื้น เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ จึงพบว่าเป็นอดีตเจ้าอาวาสนอนคว่ำหน้าเสียชีวิต ด้วยความตกใจจึงรีบแจ้งชาวบ้านให้ทราบ
ขณะที่ พระเขียน อินทร์งาม พระลูกวัด เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดเรื่อง เตะสังฆทาน และถูกเผยแพร่ในโซเชียล นั้นอดีตเจ้าอาวาสยังพูดคุยกันปกติ ท่านไม่เคยบ่นเรื่องอะไรให้ฟังเลยมีแต่หยอกล้อกันปกติ ตนไม่เคยคิดปรารถนาจะเป็นเจ้าอาวาส ตอนเย็นทำวัดท่านก็ไปร่วมทำด้วย พักหลังมีอาการซึมเศร้า ไม่เหมือนเดิม มักละเมอถึงพระอินทร์และเทวดา อีกทั้งยังดูเหมือนคนสติไม่อยู่กับตัว หลังจากเกิดเรื่องขึ้นท่านเป็นป่วยโรคซึมเศร้า เมื่อช่วงเช้าอาตมาไม่อยู่ไปบิณฑบาตรกลับมาก็มีโยมบอกก็รีบไปตีฆ้องบอกญาติโยม พอตีฆ้องเสร็จก็รีบมาดูพบบาดแผลที่หลังศีรษะ อาตมาเสียใจว่าท่านไม่น่ามาคิดสั้นเช่นนี้ พระเขียนกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมพลบุรี คาดว่าสาเหตุของการเสียชีวิตอาจเกี่ยวข้องกับความเครียดประกอบกับป่วยซึมเศร้า เพราะจากแรงกดดันของสังคม หลังเหตุการณ์เตะสังฆทานดังกล่าว ถูกเผยแพร่ในโซเชียลจนเป็นข่าวดัง อย่างไรก็ตาม จะมีการตรวจสอบอีกครั้งต่อไป