
มูลนิธิอาณัตพณ ซารัมย์ (ลูกเติ้ง) จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอคูเมือง อบต.พรสำราญ รพ.สต. ผู้นำชุมชน อสม. ปูพรมตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดทั้งวัด บ้าน ร.ร.ใน 3 หมู่บ้าน พบชาวบ้าน นร.ฉี่ม่วง 35 ราย ในจำนวนนี้เป็นพระภิกษุ 2 รูป จับสึกทันที ก่อนส่งบำบัด หากตรวจพบเสพซ้ำส่งดำเนินคดี














วันนี้ (17 ก.พ.68) มูลนิธิอาณัตพณ ซารัมย์ (ลูกเติ้ง) ร่วมกับส่วนราชการ รวมทั้งฝ่ายปกครองอำเภอคูเมือง องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)พรสำราญ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)โคกก่อง ผู้นำชุมชน หมู่บ้าน และ อสม.ในพื้นที่ ต.พรสำราญ อ.คูเมือง เดินหน้าโครงการ “รวมพลังรักศรัทธา แก้ปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการ” หมู่บ้านต้นแบบสีขาว ต้นแบบปลอดยาเสพติด โดยมี นายโสภณ ซารัมย์ ประธานกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน , นายมนูญศักดิ์ นามประเทือง นายอำเภอคูเมือง , นายแพทย์กิตติ โล่ห์สุวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคูเมือง , นายสุระ บุญยอ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพรสำราญ , ส่วนราชการ , ผู้นำชุมชน , อสม. และประชาชน เข้าร่วม
โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการปูพรมค้นหาผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ตำบลพรสำราญ 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านโคกเพชร หมู่ 2 บ้านเพชรบูรพา หมู่ 16 และบ้านบัวทอง หมู่ 18 ต.พรสำราญ อ.คูเมือง โดยการตรวจคัดกรองประชาชนในพื้นที่อายุ 13-60 ปี กลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 392 คน มารับการตรวจคัดกรอง 267 คน ซึ่งผลการตรวจ พบผลบวก 35 คน ในจำนวนนี้ มีพระภิกษุ 2 รูป จึงได้ให้เจ้าอาวาสวัดทำการสึกก่อนส่งเข้ารับการบำบัด ณ ศูนย์บำบัดของอำเภอคูเมือง เป็นเวลา 7 วัน แล้วส่งตัวกลับมาติดตามต่อที่บ้านอีก 16 สัปดาห์ หลังจากนั้นอีก 1 ปีติดตามตรวจซ้ำหากพบมีการเสพหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายสุระ บุญยอ นายก อบต.พรสำราญ กล่าวว่า การปูพรมค้นหากลุ่มเสี่ยงและตรวจปัสสาวะหาสารเพสติดครั้งนี้ เป็นการเดินหน้าโครงการ “รวมพลังรักศรัทธา แก้ปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการ” หมู่บ้านต้นแบบสีขาว ต้นแบบปลอดยาเสพติด เป็นการสร้างความตระหนักให้ประชาชนในพื้นที่ มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหายาเสพติด ร่วมกันกับส่วนราชการ และเพื่อให้ชุมชนให้โอกาสผู้หลงผิดได้รับการบำบัดฟื้นฟู ส่งเสริมให้มีอาชีพ รายได้ กลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวและสังคมที่อบอุ่น โดยมีกระบวนการที่เกี่ยวข้องจากทั้งภาคการเมือง ภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชนร่วมมือกัน
ด้านนายโสภณ ซารัมย์ กล่าวว่า อำเภอคูเมืองเป็นอำเภอที่มีกลุ่มเสี่ยงจำนวนมาก เนื่องจากเกษตรกรส่วนหนึ่งใช้แรงงานในการทำไร่อ้อย มีโรงงานน้ำตาล มีสวนยางพารา ทำให้ผู้ใช้แรงงานส่วนหนึ่งหันไปพึ่งยาเสพติด ทางอำเภอจึงได้ร่วมกัน กวดขันในโครงการรวมพลังต้านยาเสพติดอย่างจริงจัง และได้แบ่งขั้นตอนการ การป้องกันรักษาบำบัด โดยผู้เสพในกลุ่มสีเขียว คือเสพเป็นครั้งคราว โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อสม.และฝ่ายปกครองจะเป็นผู้ดูแลคนกลุ่มนี้ โดยนัดตรวจเป็นครั้งคราวและมียาบำบัดให้ทำความเข้าใจกับผู้ปกครองให้สอดส่องดูแล ส่วนผู้เสพในกลุ่มสีเหลือง จะต้องนำเข้าบำบัดที่ศูนย์บำบัดของอำเภอคูเมือง เป็นเวลา 7 วัน และส่งต่อให้ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพเป็นผู้ติดตามอาการต่อไป ขณะที่ ผู้เสพในกลุ่มสีส้ม จะถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล และผู้เสพในกลุ่มสีแดง ถูกส่งไปรักษาในโรงพยาบาลที่มีมินิธัญญาลักษณ์