
วันที่ 27 ก.พ.68 ที่วัดสว่างสุวรรณาราม ต.หนองแสง อ.เมือง จ.นครพนม นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ในนามตัวแทน วัดสว่างสุวรรณาราม คณะกรรมการจัดงานสมโภชองค์พระธาตุแสงนคร ส่วนราชการ ทุกภาคส่วน ตลอดถึงพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครพนม กล่าวว่า วัดสว่างสุวรรณาราม เดิมชื่อว่า วัดโพธิ์ชัย สร้างขึ้นเมื่อพุทธศักราช 2477 ตามทะเบียนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วัดสว่างสุวรรณาราม สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งวัดเมื่อปี พ.ศ.2480 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2509 ปัจจุบันมีพระเดชพระคุณ พระราชสิริวัฒน์ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส และตำแหน่งทางการปกครองคณะสงฆ์ที่เจ้าคณะจังหวัดนครพนม













พระธาตุแสงนคร ก่อสร้างโดย พระราชสิริวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณารามเจ้าคณะจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยทายก ทายิกา และพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายสร้างขึ้นเพื่อเป็นพระธาตุลูกหลวงขององค์พระธาตุพนม ความกว้างของฐานทั้ง ด้านกว้างด้านละ 12 เมตร ความสูง 32 เมตร ลักษณะทรงสี่เหลี่ยมมณฑป มีซุ้มประตูทั้ง 4 ด้าน จำลองมาจากซุ้มประตูองค์พระธาตุพนม ภายในองค์พระธาตุมี ชั้น บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพุทธรูปโบราณของมีค่าต่าง ๆ ดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2565 การก่อสร้างได้สำเร็จเสร็จสิ้นและได้ทำพิธียอกฉัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พระธาตุแสงนคร “พระธาตุ” คือ เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และสมบัติส้ำค่าที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ “แสง” คือ ความสว่างปราศจากความมืดบอด ได้แก่ แสงสว่างแห่งธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนามของวัด และนามแห่งสถานที่ตั้ง ณ บริเวณหนองแสง “นคร” คือ เมืองนครพนม อันเป็น ดินแดนศูนย์กลางของอาณาจักรศรีโคตรบูรที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาแต่อดีต เพื่อน้อมถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ทุกพระองค์ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชน เตือนใจอนุชนรุ่นหลัง ให้ดำเนินชีวิตอย่าง มีสติปัญญา ภายใต้แสงสว่างแห่งธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นหลักฐานทางพระพุทธศาสนาสืบไป
การจัดงานสมโกซองค์พระธาตุแสงนคร กำหนดขึ้นในระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่1 มีนาคม 2568 ซึ่งตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 4 ถึง วันขึ้น 3 ค่ำ เดือนื 4 รวม 3 วัน คืน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้แสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อบุพพการีชน ผู้ที่เสียสละกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังสติปัญญา อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาให้คงสืบไป เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้เข้าวัด ฟังธรรม เจริญจิตตภาวนาและน้อมนำเอาหลักธรรมคำสั่งสอนในทางพระพุทธศาสนาไปใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อเป็นการส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้มีโอกาสใกล้ชิดศาสนา มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมของวัด เรียนรู้ อนุรักษ์ และสืบสานประเพณีวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบต่อไป เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์องค์พระธาตุแสงนครให้เป็นที่รู้จักแก่สาธารณชนอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จังหวัดนครพนมนั้น เป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มีสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน การอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น และอารยธรรม ลุ่มน้ำโขง มีธรรมชาติสวยงาม เป็นเมืองแห่งศรัทธา เป็นเมืองแห่งพระธาตุ ซึ่งมีองค์พระธาตุพนมเป็นศูนย์รวมจิตใจ มีพระธาตุประจำวันต่าง ๆ ทั้ง๗ วัน และมีพญาศรีสัตตนาคราช ตลอดจนความหลากหลายทางวัฒนธรรมของ 9 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ ที่มีการอนุรักษ์ สืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามไว้ได้อย่างดี และมีการพัฒนาต่อยอดยกระดับจนเป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงระดับชาติ อาทิ งานประเพณีนมัสการพระธาตุพนม งานประเพณีไหลเรือไฟงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช เป็น Soft Power ที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นการ ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ เชื่อมโยงการท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่อื่นของจังหวัดสร้างโอกาสสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครพนม จึงถือเป็นเมืองที่น่ามาเยี่ยมชม มีความงดงาม เป็นเมืองแห่งความสุขโดยแท้จริงนับว่าเป็นความโชคดีของชาวจังหวัดนครพนม ที่ได้มีพระธาตุเกิดขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีพระเดชพระคุณ พระราชสิริวัฒน์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณารามได้มองเห็นความสำคัญในการที่จะอนุรักษ์ สืบสาน พัฒนาวัดวาพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรือง ได้นำพาพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย และผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันสร้างขึ้น เพื่อเป็นหลักฐานทางพระพุทธศาสนา เพราะพระธาตุที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุก็เปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธเจ้า และเพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของ พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ให้ดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญา ภายใต้แสงสว่างแห่งธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นหลักฐานทางพระพุทธศาสนาสืบต่อไป