
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดตัว”โครงการหมอห่วงใย ตรวจวัดความดันเป็นประจำ รู้ค่าความดัน ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวาย” พร้องมอบเครื่องวัดความดันโลหิต สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีภาวะความดันโลหิตสูงในstroke unit โรงพยาบาลเครือข่าย แก่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น และโรงพยาบาลสิรินธร จังหวัดขอนแก่น จำนวนโรงพยาบาลละ 1,000 ชุด เพื่อลดอัตราความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง และลดอัตราการตายได้










เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ ห้องประชุมกวีทังสุบุตร ชั้น 5 อาคารเรียนรวม คณแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดแถลงข่าวโครงการหมอห่วงใยตรวจวัดความดันเป็นประจำ รู้ค่าความดันลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวาย พิธีมอบเครื่องวัดความดันโลหิต สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีภาวะความดันโลหิตสูงในstroke unit โรงพยาบาลเครือข่าย แก่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น และโรงพยาบาลสิรินธร จังหวัดขอนแก่น
โดย ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ตลอดจน เครือข่าย stroke unit โรงพยาบาลเครือข่าย ได้แก่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น และโรงพยาบาลสิรินธร จังหวัดขอนแก่น ได้แก่ นพ.สุรสิทธิ์ จิตรพิทักษ์เลิศ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น, พญ.หรรษา เรืองศิริปิยะกุล รองผู้อำนวยการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ โรงพยาบาลสิรินธรขอนแก่น ร่วมแถลงข่าวความเป็นไปเป็นมา ตลอดจนรับมอบเครื่องวัดความดันโลหิต สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีภาวะความดันโลหิตสูงในstroke unit โรงพยาบาลเครือข่าย คือโรงพยาบาลขอนแก่น และโรงพยาบาลสิรินธรขอนแก่น จำนวนโรงพยาบาลละ 1,000 ชุด ในการนี้ รศ.นพ.ธรรศ สงวนศักดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตลอดจน นพ.สุรสิทธิ์ จิตรพิทักษ์เลิศ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น,นายแพทย์วราวุธ กิตติวัฒนากูล ผู้ช่วยอำนวยการภารกิจด้านบริการทุติยภูมิและตติยภูมิ 2 และคณะกรรมการโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลขอนแก่น,พญ.หรรษา เรืองศิริปิยะกุล รองผู้อำนวยการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ โรงพยาบาลสิรินธรขอนแก่น พร้อมคณะ เข้ารับมอบในครั้งนี้ และมอบเครื่องวัดความดันให้กับโรงพยาบาลขอนแก่น
ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ได้กล่าวต้อนรับสื่อมวลชนและพูดถึงความรุนแรงของโรคความดันโลหิตสูง ว่า โรคNCDs โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นปัญหาสุขภาพที่ยิ่งใหญ่ในระบบสาธารณสุขของไทย ทำให้เกิดการสูญเสียงบประมาณและกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ โรคความดันโลหิตสูง ปัจจุบันมีการรักษาด้วยการใช้ยา ควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรมคนไข้ (lifestyle modification) เพื่อควบคุมความดันโลหิตให้อยูในเกณฑ์ปกติ การตรวจติดตามผู้ป่วยกลุ่มนี้มีความสำคัญ หากผู้ป่วยขาดการติดตามที่เหมาะสม อาจทำให้พลาดในการปรับยาและการรักษาที่เหมาะสมแก่ผู้ป่วย
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ความดันโลหิตก็เป็นหนึ่งในสัญญาณชีพที่สำคัญในการดูแลผู้ป่วย ร่วมกับการดูชีพจร อุณหภูมิกาย และการหายใจ ความดันโลหิตสามารถบ่งบอกสภาวะและความฉุกเฉินผู้ป่วยได้ เช่น ความดันโลหิตสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป ทำให้สารมารถประเมินและรักษาได้ทันท่วงที โครงการหมอห่วงใยตรวจวัด ความดันเป็นประจำ รู้ค่าความดันลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวาย เกิดขึ้นเพื่อมุ่งเน้นสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนได้ตื่นตัวและตระหนักเห็นความสำคัญของการป้องกันโรคความดันเลือดสูง เป็นอีกหนึ่งโรคฮิตที่ฆ่าชีวิตคนไทยและคนทั่วโลกโรคความดันเลือดสูงถูกขนานนามว่า “โรคเพชฌฆาตเงียบ”
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าโดยทางการแพทย์นั้นได้อธิบายโรคความดันเลือดสูงว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติของมนุษย์เช่นเกิดจากพันธุกรรมและอายุที่มากขึ้นและการรักษาโรคหลอดเลือดสมองที่สำคัญคือการรักษาโรคความดันสูงให้ดีโรงพยาบาลศรีนครินทร์คณะแพทยศาสตร์จึงได้มีโครงการหมอห่วงใยตรวจวัดเป็นประจำรู้ค่าความดันลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวายให้ผู้ป่วยหรือผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพให้สามารถเข้าถึงเครื่องวัดความดันโลหิตนำกลับไปใช้ที่บ้านรู้แล้วรอด
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวถึงที่มาที่ไปอีกว่า โดยจุดเริ่มต้นได้รับบริจาค จัดซื้อเครื่องวัดความดันโลหิต โดยคุณวิโรจน์ ศรีสดใส จำนวน 5,500 เครื่อง โดยมีเงื่อนไขการขอรับเครื่องวัดความดันโลหิต ดังนี้ 1. กรณีผู้ป่วยที่มีภาวะยากลำบากทางเศรษฐกิจ 2. ผู้ป่วยหรือผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพที่มีกำลังทรัพย์โดยร่วมสมทบทุนบริจาคเครื่องละ 500 บาทหรือมากกว่าตามจิตศรัทธาโดยเงินที่ได้ก็จะนำเข้ามูลนิธิคณะแพทย์เพื่อนำไปจัดซื้อเครื่องบริจาคต่อให้กับผู้ป่วยที่มีภาวะยากลำบากทางเศรษฐกิจ และนำไปลดหย่อนภาษีได้ 3. โดยในระยะแรกมีการเริ่มโครงการ ในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ เมื่อปี 2566 สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีภาวะความตันโลหิตสูง ก่อเกิดประโยชน์ทางสุขภาพแก่ผู้ป่วยเป็นอันมาก จึงได้คิดริเริ่มการมอบเครื่องวัดความดันโลหิตให้กับโรงพยาบาลเครือข่าย ในจังหวัดขอนแก่น ในครั้งนี้
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวท้ายสุดว่า กิจกรรมทางสังคมนี้ยังช่วยสร้างเสริมป้องกันไม่ให้ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง และความดันโลหิตสูง โดยเชิญชวนประชาชนที่รักสุขภาพหรือมีภาวะโรคความดันโลหิตสูงหมั่นวัดความดันและจดบันทึกเพื่อลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวาย ทั้งนี้ภายในงานได้มีพิธีมอบเครื่องวัดความดันจำนวน 1000 เครื่อง ให้กับโรงพยาลขอนแก่น และโรงพยาบาลสิรินธร จ.ขอนแก่น จำนวนโรงพยาบาลละ 1,000 เครื่องโดยเชิญชวนประชาชนที่รักสุขภาพหรือมีภาวะโรคความดันโลหิตสูงหมั่นวัดความดันและจดบันทึกเพื่อลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวาย หากสนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถติดต่อได้ที่ งานสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ Line: @SWMD12KKU
ด้าน นพ.สุรสิทธิ์ จิตรพิทักษ์เลิศ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า ในส่วนของโรงพยาบาลขอนแก่นเองจะได้นำประโยชน์จากโครงการนี้ เนื่องจากว่าโรงพยาบาลส่งเสริมตำบล ศูนย์แพทย์ชุมชนของเรามี 6 แห่ง โรงพยาบาลขอนแก่นมี 2 แห่ง ที่จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้เพื่อเชื่อมต่อลดอัตราผู้ป่วยจากโรคสมองเส้นเลือด และโรคความดันโลหิตสูง เพราะฉะนั้นในการส่งเสริมป้องกัน คิดว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมากๆ ก็คงต้องไปขยายต่อว่าจะทำอย่างไรให้หนึ่งหลังคาทุกหลังคาเรือนมี 1 เครื่อง ในระหว่างนี้นโยบายรัฐบาลยังมาไม่ถึงแต่เราต้องช่วยกันก่อน
ส่วน พญ.หรรษา เรืองศิริปิยะกุล รองผู้อำนวยการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ โรงพยาบาลสิรินธรขอนแก่น กล่าวว่า โรงพยาบาลสิรินธร นั้นได้ดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากว่าผู้ป่วยความดันโลหิตสูงยังเป็นปัญหาในพื้นที่ของโรงพยาบาลสิรินธร ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมเชิงรุกการคัดกรอง หลายครั้งก็ได้รับความร่วมมือจากชุมชน จากอสม.โดยใช้เครื่องมือวัดความดันโลหิต ของทางโรงพยาบาลซึ่งอาจจะมีไม่เพียงพอ และมีไม่ครอบคลุมในทุกพื้นที่ นอกจากนี้กลุ่มคนไข้ ความดันโลหิตสูงปัจจุบันยังมีข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากหลายหลายซึ่งมีความเสี่ยง เช่นภาวะแทรกซ้อน เส้นเลือดในสมองตีบ ทางโรงพยาบาลสิรินธรก็ได้ดูแลผู้ป่วยไม่ว่าจะในพื้นที่ และไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลชุมชนมากกว่า 10 อำเภอ ที่เข้ามารับบริการ 400-500 รายต่อปี หลายรายเป็นผู้ป่วยเดิมที่กลับมารักษาด้วยอาการเป็นช้ำ ถ้าผู้ป่วยได้รับอุปกรณ์เครื่องวัดความดันโลหิต หรือดูค่าความเสี่ยงของตัวเองก็จะลดการเป็นความดันโลหิตสูงได้ สำหรับโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก ซึ่งในพื้นที่ก็มีผู้ป่วยยากไร้เยอะ มีโอกาสได้เข้าถึงอุปกรณ์ที่ดีมีมาตรฐาน ในอนาคตก็จะลดอัตราความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง และลดอัตราการตายได้.