
วันที่ 18 มี.ค. 68 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุ้งลาวัลย์ เอี่ยมกุศลกิจ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประกันคุณภาพการศึกษา พร้อมด้วยคณาจารย์ และคณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตรแพทย์แผนไทยบัณฑิต ลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง จ.นครพนม สำรวจสมุนไพรพื้นถิ่นเฉพาะเพื่อการอนุรักษ์และขยายพันธุ์พืชสมุนไพร รองรับการเปิดหลักสูตรแพทย์แผนไทยบัณฑิต



การลงพื้นที่ของมหาวิทยาลัยนครพนม ได้รับความเมตตาจากพระครูวิจิตรวินัยสาร เจ้าคณะอำเภอบ้านแพง เจ้าอาวาสวัดป่าโนนแพง, ประธานเครือข่ายหมอสมุนไพร และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา ในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับพืชสมุนไพรชนิดต่าง ๆ
นายบรรจง กุณรักษ์ ประธานเครือข่ายหมอสมุนไพร อ.บ้านแพง จ.นครพนม เปิดเผยว่า บนพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกามีพืชสมุนไพรเป็นจำนวนมาก จากการเก็บข้อมูลของหมอยาพื้นบ้าน พบว่า ในพื้นที่ 1 ตารางเมตร มีตัวยาสมุนไพรไม่น้อยกว่า 25 ตัวยา ชาวบ้านมักจะนำสมุนไพรมาใช้ในการบำรุง ดูแล และการรักษา ซึ่งถือเป็นทางเลือกอีกทางที่ควบคู่กับการดูแลรักษาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบัน
“มีสมุนไพรเยอะมากในพื้นที่ ซึ่งแต่ละหมอยาก็มีวิธีการใช้ที่ต่างกัน มีการเก็บข้อมูลของหมอยา พบว่า ในพื้นที่ 1 ตารางเมตร บนอุทยานแห่งชาติภูลังกา จะมีตัวยาไม่น้อยกว่า 25 ตัวยา แต่ก่อนชาวบ้านก็อาศัยพืชสมุนไพร เพราะในสถานพยาบาลของรัฐยังมีการใช้ที่น้อยอยู่ และปัจจุบันการรักษาคงลงไปด้านวิทยาศาสตร์มากแล้ว พืชสมุนไพรคือทางเลือก (หมอทางเลือก) ในการรักษาของแพทย์ปัจจุบัน”
นายบรรจง ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า บนอุทยานแห่งชาติภูลังกา มีสมุนไพรที่เด่น ๆ ในพื้นที่ คือ “โสมภูลังกา” มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการแก้เมื่อย บำรุงกำลัง รักษาข้อกระดูก ส่วนใหญ่จะนำมาต้มน้ำดื่ม หรือทำการบดผสมน้ำผึ้งปรุงเป็นยา สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งใบและลำต้น พืชชนิดนี้มักจะพบเห็นบนยอดหน้าผาสูงเท่านั้น ซึ่งยากต่อการพบเห็นโดยทั่วไป ด้วยสรรพคุณที่หลากหลายของพืชสมุนไพรชนิดนี้ เมื่อชาวบ้านพบเห็นจึงตัดลงมาทั้งหมด ทำให้ปัจจุบัน “โสมภูลังกา” เริ่มหายากและใกล้จะสูญพันธุ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ร่วมกับอุทยานแห่งชาติภูลังกา และวัดในพื้นที่ใกล้เคียง อนุรักษ์ด้วยการเพาะปลูกเพื่อเตรียมขยายพันธุ์
นอกจาก “โสมภูลังกา” ที่หายาก ยังมีพืชสมุนไพรเด่น ๆ อีกหลายชนิด ได้แก่ สามสิบสองประดง (สิรินธรวัลลี), กำลังหนุมาน, กำลังเสือโคร่ง, กำลังช้างสาร-กำลังช้างเผือก และกวาวเครือขาว-กวาวเครือแดง ที่ปัจจุบันเริ่มใกล้จะสูญพันธุ์เช่นกัน จากการแผ้วถางป่าเพื่อทำไร่สวนของชาวบ้าน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุ้งลาวัลย์ เอี่ยมกุศลกิจ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประกันคุณภาพการศึกษา กล่าวว่า การลงสำรวจพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อทำการคัดเลือกสมุนไพรที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นถิ่น เนื่องจากมหาวิทยาลัยนครพนม เตรียมที่จะทำหลักสูตรแพทย์แผนไทยบัณฑิต ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการจัดทำร่างหลักสูตร การสำรวจพื้นที่ศึกษาข้อมูลของสมุนไพรเพื่อที่จะใช้ในการจัดการเรียนการสอนและการวิจัย รวมถึงการแปรรูปสมุนไพรเฉพาะของพื้นถิ่น และการสนับสนุนให้เกิดรายได้ของชุมชน






“เราจะนำสมุนไพรเหล่านี้ไปอนุรักษ์พันธุ์พืชให้สามารถที่จะขยายพันธุ์ได้อย่างถูกต้อง และนำมาสกัดสารสำคัญเพื่อนำไปรักษาสุขภาพประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค หรือการรักษาในบางตัวตามสารสกัดที่ได้ออกมา และการทำผลิตภัณฑ์เพื่อการรักษา ให้ประชาชนสามารถใช้สมุนไพรที่บ้านของตนเองในการรักษา ลดการใช้ยาที่นำเข้า และลดผลข้างเคียงของยาด้วย ซึ่งบางส่วนเราสามารถเก็บเมล็ดไปทำการวิจัยและขยายพันธุ์ต่อไปได้ และเมื่อเราได้สูตรการเพาะพันธุ์ จะถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้มีการขยายพันธุ์ปลูก เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่และชุมชนอีกมิติหนึ่ง”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุ้งลาวัลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เสน่ห์ของการทำหลักสูตรแพทย์แผนไทยบัณฑิต คือ อยากให้นักศึกษาสามารถแปรรูปสมุนไพรเฉพาะในท้องถิ่น เป็นสูตรในการรักษา บำบัดสุขภาพให้กับประชาชนอีสานตอนบนหรือพื้นที่ใกล้เคียงในอนาคต
ขณะเดียวกัน มีการประชุมของคณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตรแพทย์แผนไทยบัณฑิต โดยที่ประชุมได้นำเสนอผลการลงสำรวจพื้นที่สมุนไพรบนอุทยานแห่งชาติภูลังกา พร้อมพูดคุยถึงการทำร่างหลักสูตร และหารือวางแผนพื้นที่บริเวณภายในมหาวิทยาลัยตั้งสวนสมุนไพร เพื่อเตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยต่อไปด้วย