
“ภูมิธรรม”ดูเลือกทหารที่อุดรก่อนติดตามคืบหน้าการปฏิบัติงานของหน่วยกำลังป้องกันชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบนให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการเปลี่ยนผ่านการตรวจเลือกทหารไปสู่ การสมัครใจ










เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 7 เมษายน ที่ห้องอุดรธานีฮอลล์ ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลอุดรธานี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการคัดเลือกทหารของ มทบ.24 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม อุดรธานี ก่อนที่จะเดินทางไปติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติงานของหน่วยกำลังป้องกันชายแดน และงานตามนโยบายของรัฐบาล ในพื้นที่รับผิดชอบของ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน รับทราบ/ติดตามความคืบหน้า การดำเนินงานของหน่วย การสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล รวมถึงรับทราบปัญหาข้อขัดข้อง หรืออุปสรรคต่างๆ ของหน่วย โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2, พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผบ.กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผวจ.อุดรธานี, นายพิสิษฐ์ชัย อภัยปิยกุล รองผวจ. นายชวิศ ป้องขันธ์ นอภ.เมืองอุดรธานี พลตรี ฐนิตพัฒน์ อุทะนุตนันท์ ผอ.สนง.พัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย, พลตรี ประเสริฐ ข่าทิพย์พาที ผบ.มทบ. 24 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร ข้าราชการจาก สนง.อำเภอเมือง กำนัน ผญบ.คอยให้การต้อนรับ
จากนั้นนายนายภูมิธรรม ฯ ก็ได้เข้ารับฟังการรายงานถึงการคัดเลือกทหารของเขตอำเภอเมืองอุดรธานี ซึ่งได้มาทำการคัดเลือกที่แห่งนี้ทั้งหมด แล้วจึงได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทหารที่มาทำหน้าที่และประชาชนที่มาทำการคัดเลือกในครั้งนี้ จากนั้นก็ได้ออกไปให้กำลังใจกับและชี้แจงถึงการคัดเลือกทหารในครั้งนี้แก่พ่อแม่และญาติ ๆ ของเยาวชนที่มาทำการคัดเลือกในครั้งนี้
จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงกลาโหม ได้เปิดเผยแก่สื่อมวลชนว่า ในการคัดเลือกทหารในครั้งนี้นั้น ในเบื้องต้นของกฎหมายของไทยนั้นชายไทยเมื่ออายุครบเกณฑ์ ก็ต้องไปเป็นทหารอันนี้เป็นความสำคัญของชาติ ที่เราต้องมีกำลังกองทัพ ในยามที่ประเทศมีปัญหาก็ต้องพร้อมรบไปปกป้องพื้นแผ่นดินของบรรพบุรุษเขา ในช่วงต้น ๆ ในราว 4 – 6 เดือน ก็คงจะฝึกที่เข้มข้น จากนั้นก็จะผ่อนลงให้เรียนรู้วินัย เรียนรู้วิชาชีพที่มั่นคงยิ่งขึ้นในการออกไปปฏิบัติงาน
แต่อย่างไรก็ดีหลายส่วนก็พยายามที่จะให้การเกณฑ์ทหารด้วยความสมัครใจ ซึ่งในโลกนี้ก็ยังมีการปฏิบัตินี้ไม่เพียงไม่กี่ประเทศ ซึ่งเราก็ยอมรับในแนวความคิดนี้ ถ้าหากกองทัพเรามีทหารเพียงพอเราก็จะไม่ต้องเกณฑ์กันแล้ว ซึ่งขณะนี้เราก็กำลังจะเข้าสู่นโยบายนี้ ตามที่บุคคลบางส่วนหรือพ่อแม่พี่น้องเรียกร้องมา ขอชี้แจงให้ทราบดังนี้ว่าการตัดสินใจว่าการเกณฑ์ทหารทั้งหมดมาเป็นการสมัครใจทั้งหมด ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ จะเป็นไปได้เลยในความเป็นจริงอยู่ ๆ แล้วประกาศไปแล้วอาจจะมีคนมาหรือไม่มีคนมา เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญของกองทัพ ในเบื้องต้นเราต้องสามารถที่จะป้องกันประเทศได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ตนให้มาตรฐานขั้นต่ำที่ตนได้กำหนดไว้ว่า กำลังมีพลเท่าไหร่ที่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นกับประเทศแล้วเราถึงจะเพียงพอถ้าเกิดเหตุขึ้นมาก็จะไม่ต้องระดับพลกันวุ่นวายไปหมด
อันนี้ในสถานการณ์ในปัจจุบันเราก็ไม่สามารถคาดการได้ แต่เมื่อมันเกิดเหตุขึ้นมา แล้วเราต้องระดมพลออกมา แล้วไม่มีการฝึกมาก่อนตนว่าประเทศก็ไปไม่รอด ดังนั้นการฝึกฝนขั้นต้น ก็เป็นกระบวนการแรก อันนี้เมื่อเข้าสู่กระบวนการนี้ตนก็พูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพทั้งหมด หรือกำลังพลทั้งหมด แต่ว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างวันเดียว ดังนั้นมันก็ต้อง ๆ ทำเพื่อให้กำลังพลมีความสุขมากที่สุด ตอนนี้เราก็เริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการแล้ว ซึ่งตอนนี้เราก็เริ่มต้นมาหลายปีแล้ว สำหรับในวันนี้ตนก็เห็นว่าข้าสู่กระบวนการที่ดี การที่อยากจะให้เขาอยากเข้ามาเป็นทหารแล้วเขาจะได้อะไรบ้าง ขณะนี้ที่ได้รับรายงานก็พบว่ามีผู้สมัครเข้ามาหลายคนแล้ว ก็ต้องใช้เวลา อันไหนไม่ดีก็ขอให้ปรับปรุงไป บัดนี้เข้าสู่สำคัญที่สุด
อันดับแรกเขาจะได้เป็นคนไทยที่ได้ปกป้องประเทศไทย อับดับที่สองเขาจะได้มีสิทธิเข้าไปเรียนในชั้นที่สูงขึ้นในโรงเรียนทหาร ที่สำคัญเราจะปรับการเรียนการสอนในอาชีพของเขาให้มากขึ้นปัจจุบันเราก็มีการประสานกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ กัน ซึ่งเราก็มีการเอาความรู้ใหม่ ๆ เมื่อก่อนก็มีการเรียนการตัดผม ซึ่งเขาก็จะมีการนำไปใช้เป็นอาชีพได้ในหมู่บ้านของเขา ปัจจุบันก็มีอาชีพอื่น ๆบ้าง มีความรู้ในเรื่องของคอมพิวเตอร์บ้าง ซึ่งจะทำให้สิ่งเหล่านี้ได้พัฒนาขึ้นซึ่งจะทำให้เขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเมื่อได้มีโอกาสมาเป็นทหาร ในเรื่องของปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องของทหารที่มีปัญหานั้นมันมีน้อยมาก สิ่งที่เป็นประโยชน์มันมีมากกว่า
ต่อจากนั้นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงกลาโหม พร้อมคณะก็ได้เดินทางไปที่กองบัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ค่ายพระยาสุนทรธรรมธาดา ตำบลโนนสูง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี หลังจากได้รับฟังบรรยายสรุปภารกิจและผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของหน่วย เพื่อรับทราบข้อมูล สถานการณ์ด้านการข่าวและแนวโน้ม, ภารกิจ การจัด และการปฏิบัติงานของกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พร้อมรับฟังปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ของหน่วย
จากนั้นรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงกลาโหม ได้มอบนโยบาย แนวทางการปฏิบัติ ในการป้องกันและสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน ให้มุ่งเน้นการปฏิบัติการรวบรวมข้อมูลข่าวสารเพิ่มความเข้มข้นและวงรอบการลาดตระเวนเฝ้าตรวจพื้นที่รับผิดชอบ เพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติ ณ จุดตรวจตามเส้นทางที่ล่อแหลมต่อการลักลอบ นำเข้า – ส่งออก บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติด ทั้งในพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ตอนใน ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงภัยจากยาเสพติด ปลูกฝังอบรมให้ลูกหลานเยาวชนห่างไกลยาเสพติด สร้างเครือข่ายกับประชาชนในพื้นที่ให้มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง และแจ้งเบาะแสร่วมกับเจ้าหน้าที่ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนตามแนวชายแดน
ผลลัพธ์สุดท้ายที่ต้องการ คือ ต้องการเห็นผลงานที่เป็นรูปธรรมในพื้นที่ชายแดน ตลอดจนการดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น กำชับไม่ให้กำลังพลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หรือรับสินบนอันจะนำความเสื่อมเสียมาสู่กองทัพโดยเด็ดขาด และช่วยกันดูแลสิทธิสวัสดิการต่างๆ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับกำลังพล ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท เสียสละ และมุ่งมั่น เพื่อประเทศชาติ และประชาชนตลอดมา อีกทั้งการช่วยเหลือประชาชน ให้ใช้ทรัพยากรของหน่วยเข้าช่วยเหลือ อย่างเต็มขีดความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นภัยหนาว ภัยแล้ง น้ำท่วม อัคคีภัย หรืออื่นๆ ให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นแก่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงช่วยกันพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป