
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 22 เมษายน 2568 ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ณัฏฐพนธ์ พะยอมใหม่ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.จักรภาพ ศรีจันทะ ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี ร่วมกันแถลงจับกุมนายภานุ เรืองศรี อายุ 44 ปี ชาวบ้านม่วง ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี ตามหมายจับศาลแขวงอุดรธานี ที่ จ 57/2568 ลงวันที่ 19 เมษายน 2568 กล่าวหาว่า “ฉ้อโกง” พร้อมของกลาง รถเก๋งเชฟโลเล็ต ครูซ สีบรอนซ์ รถแบคโฮเล็ก และอะไหล่รถเก๋งฟอร์ด โฟกัส โดยจับกุมได้ที่เช่าไม่มีเลขที่ บ้านม่วง ถนนประชาสันติ เขตเทศบาลนครอุดรธานี ควบคุมตัวมาทำการสอบสวน




สืบเนื่องจาก โดยเมื่อเวลา 17.47 น.วันที่ 8 เมษายน 2468 พ.ต.ท.อรรถวิทย์ กันยา รอง ผกก.ป.สภ.ท่าบ่อ มอบอำนาจให้นายเอกรัฐ ราชกรม อายุ 46 ปี ชาวอุดรธานี มาแจ้งต่อ ร.ต.อ.ศุภกร ทุมจีน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ว่า ได้จอดรถเก๋งฟอร์ด โฟกัส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กท 5981 อุดรธานี ซึ่งเป็นรถของ พ.ต.ท.อรรถวิทย์ มาฝากจอดไว้หลังอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี วันที่ 8 เมษายน 2568 พบว่ารถหายไป เมื่อไปเปิดกล้องวงจรปิดดู พบว่า เวลา 18.10 น.วันที่ 4 เม.ย.มีชายหญิง ขับรถกระบะคอก ยี่ห้อนิสสัน นาวาร่า สีดำ ไม่ทราบทะเบียน มาลากรถเก๋ง ไปจึงมาแจ้งตำรวจให้ติดตามให้ด้วย







พ.ต.อ.จักรภพ ฯ เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งได้สั่งการให้ พ.ต.ท. อรรคพล วงษ์ฤทธิวัลย์ รอง ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี นำกำลังออกสืบสวน จากภาพวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายขับรถผ่าน กระทั่งวันที่ 9 เม.ย. ทราบว่าชายหญิงที่ลากรถไปคือนายจิรวัฒน์ ชัยสงค์ อายุ 24 ปี และ น.ส.เสาวลักษณ์ จันทมุลตรี อายุ 24 ปี 2 สามีภรรยา ชาว อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี จึงได้เรียกทั้งสองมาสอบสวน ซึ่งทั้ง 2 คน พอทราบว่ารถที่ซื้อมาเป็นรถตำรวจก็รู้สึกตกใจ
โดยนายจิราวัฒน์ ให้การว่า ตนและภรรยา ประกาศซื้อรถเก่าทางเฟซบุ๊กโดยตั้งเป็นสาธารณะ ต่อมาได้มีนายภานุ ติดต่อมาทางเฟซบุ๊ก อ้างตัวเป็นเจ้าของรถยนต์ พร้อมกับเสนอขายรถเก่าจำนวน 3 คัน ในราคาย่อมเยา พวกตนหลงเชื่อตกลงไปดูรถเวลา 16.00 น.วันที่ 4 เม.ย.โดยนายภานุพาไปชี้รถ 3 คัน มีรถเก๋งฟอร์ด โฟกัส สีบรอนซ์ทอง รถเก๋งเชฟโลเล็ต ครูซ สีบรอนซ์ และรถเบคโฮเล็ก ที่จอดอยู่ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี นายภานุแสดงตัวเป็นเจ้าของรถและมีหลักฐานมาแสดง จึงตกลงซื้อทั้ง 3 คันในราคา 45000 บาท แต่โชคดีที่ได้ถ่ายรูปนายภานุเก็บเอาไว้ หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย ตนก็ลากรถ 3 คันกลับบ้าน และนำรถเก๋งฟอร์ด โฟกัส นำไปชำแหละขาย ซึ่งยังคิดว่าตัวเองซื้อรถถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนรถเบคโฮเล็ก และรถเก๋งเชฟโลเล็ต ยังไม่ได้ขาย ซึ่งวันที่ซื้อขายรถนายภานุ ได้พูดจาเข้าใจดี
ส่วนนายสุทธิศักดิ์ สายเชื้อ อายุ 52 ปี เจ้าของรถแบคโฮ เปิดเผยว่า ตนจอดรถแบคโฮเล็กไว้ข้างบ้าน รถหายไปช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 4 เม.ย. จนเช้าวันอาทิตย์ที่ 6 เม.ย.จึงทราบว่ารถหายไป จึงมาแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรฯ รถไม่ได้เสียใช้ในงานก่อสร้างตามปกติ 2-3 เดือนจะนำออกไปใช้ เอาไว้ปรับพื้นที่ พอรถหายไปก็ค่อนข้างตกใจ จึงสอบถามญาติ ๆ จนแม่ได้บอกตนว่ามีคนมาลากรถไป ก็นึกว่าเป็นลูกน้องมาเอารถไปซ่อม ก็ไม่คาดว่ารถใหญ่จะหายได้ พอนายจิรวัฒน์คนรับซื้อมาสารภาพ และเล่าให้ฟัง ซึ่งแสดงเจตจำนงถือว่านายจิรวัฒน์ก็เป็นผู้เสียหายด้วย
ซึ่งจากการสอบสวน นายจิรวัฒน์ และ น.ส.เสาวลักษณ์ ทั้งสองไม่มีเจตนากระทำผิดกฎหมาย แต่ถูกนายภานุหลอกลวงว่าเป็นเจ้าของรถ และตกเป็นเหยื่อในการหลอกลวง ซึ่งรถเก๋งเชฟโลเล็ต ครูซ เป็นของนายทหาร ส่วนรถเบคโฮเล็ก เป็นของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งรถทั้งหมดจอดไว้นาน ไม่มีการเคลื่อนย้าย นายภานุจึงทำเอกสารปลอมมาหลอกขายให้ จึงได้กันทั้งสองไว้เป็นพยาน โดยได้สอบสวนปากคำนายจิรวัฒน์ และน.ส.เสาวลักษณ์ หลักฐานการแชทพูดคุยซื้อขายรถทางเฟซบุ๊กกับนายภานุ สลิ๊ปการโอนเงินซื้อขายรถ ภาพจากกล้องวงจรปิดขณะลากรถออกไปขาย เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับจากศาลแขวงอุดรานี จับกุมนายภานุ ข้อหา “ ฉ้อโกง”
โดยวันที่ 19 เมษายน ตำรวจได้เข้าจับกุมนายภานุ ที่บ้านเช่าในซอยประชาสันติ เขตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งนายภานุให้สับสนวกวน พูดเหมือนคนสติไม่ดี โดยอ้างว่า ขอความเข้าใจในกรณีที่มีการอนุมัติสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องรัฐบาล ที่โรงทานอำนวยการในขณะนี้ มีเพลงตนคนเดียวในโรงทานที่ได้รับอนุญาต สามารถส่งคลิปนี้ ให้ไปประกาศทั่วโลก โดยผ่าน CNN ไปเลยก็ได้ ทุกคนจะได้เข้าใจ ของบประมาณจากตนและนายภานุยังพูดเรื่อยเปื่อยว่ามีโครงการทางอิเล็กทรอนิก มีคนขโมยข้อมูลเกี่ยวกับยานยนต์ ระบบความปลอดภัย และอินเตอร์เน็ต สายพานการผลิตยานยนต์ และเลยเถิดไปถึงการศึกษา เขาหมายถึงกลุ่มการเมืองในประเทศไทย
เมื่อสอบถามเรื่องขายรถ 3 คัน ก็ให้การภาคเสธว่าไม่ได้ขายรถทั้ง 3 คัน ให้นายจิรวัฒน์และภรรยา แต่ได้รับเงินโอนมาจากนายจิรวัฒน์ 45000 บาทจริง นายภานุยังอ้างว่าเคยเป็นครู แต่ไม่ชอบระบบที่เพื่อนนำกระดาษเปล่ามาให้เซ็นต์เพื่อเบิกเงินเบี้ยเลี้ยงเลยลาออก เคยเป็นทหารพราน ก็ลาออก จากนั้นก็มาอยู่บ้านไม่ได้ทำอะไร เงินที่ได้จากการขายรถก็ส่งให้องค์กรเวิลด์ ซิเคียวริตี้ โปรแกรมรักษาความปลอดภัย และซื้อยาบ้ามาเสพ ตำรวจจึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป