
เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 22 เมษายน 2568 ที่กองกำกับการ ตชด.24 ค่ายเสนีย์รณยุทธอุดรธานี พ.ต.อ.กรณ์ ไชยเสือ ผกก.ตชด.24 พ.ต.ท.บุญเลิศ วิเศษชาติ รอง ผกก.ตชด.24 พร้อมตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ตชด.24 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมขบวนการขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านมากระจายในพื้นที่ จ.อุดรธานี ได้ผู้ต้องหาเป็นชาย 2 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 3 กระสอบ จำนวน 632,360 เม็ด และรถเก๋งนิสสัน อาเมล่า สีขาว ทะเบียน นข 678 หนองคาย 1 คัน










โดยสกัดจับได้ที่บริเวณถนนมิตรภาพหนองคาย – หนองสองห้อง อ.เมือง จ.หนองคาย เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 22 เม.ย.ซึ่งใช้เวลาไล่ล่าเกือบ 30 นาที จึงตัดสินใจยิงยางรถเก๋งจนยางแตก จึงยอมจำนนในที่สุด จากการตรวจสอบรถเก๋ง ถูกยิงยางจนแตกทั้ง 4 ล้อ รอบคันรถมีร่องรอยการเฉี่ยวชน ผู้ต้องหาชื่อนายยมนา หรือปุ๊ บรรณารักษ์ อายุ 37 ปี เป็นคนขับ และนายภิญโญวิทย์ หรือโก้ วัตธัน อายุ 26 ปี ทั้ง 2 คนเป็นชาว ต.บ้านธาตุ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี และพบของกลางยาบ้าอยู่ในที่เก็บของท้ายรถ
พ.ต.อ.กรณ์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี โดยที่จะใช้รถเก๋ง 2 คัน สลับกันใช้งาน คันแรกเป็นรถเก๋งสีบรอนซ์ อีกคันสีขาว จะลำเลียงยาเสพติดจากริมแม่โขง จ.หนองคาย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ขบวนการนี้มีนายแฮกฯ ชาว สปป.ลาว เป็นหัวหน้า จะสั่งให้ผู้ร่วมขบวนการที่อยู่พื้นที่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ให้นำรถยนต์อีกคันไปสับเปลี่ยนรถยนต์ที่ จ.หนองคาย แล้วใช้รถยนต์คันดังกล่าวในการลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ จ.อุดรธานี ไปจนถึงพื้นที่ใกล้เคียง ใช้เวลาเฝ้าติดตามกว่า 4 วัน
“จนกระทั่งได้รับทราบอย่างแน่นอนว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดเมื่อคืนนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังวางกำลังซุ่มอยู่บริเวณรายทาง ได้พบรถยนต์ลักษณะตรงตามที่ได้แจ้งมา อยู่ที่บริเวณหน้าวัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย ขณะที่รถยนต์คันดังกล่าวติดไฟแดง ตำรวจจึงแสดงตัวขอทำการตรวจค้น คนขับรถยนต์เห็นว่าเป็นตำรวจจึงตกใจ เร่งเครื่องรถหลบหนีทำให้เกิดการ เฉี่ยวชนกับรถยนต์ตำรวจ คนร้ายขับหลบหนีไปยังทางเลี่ยงเมือง จ.หนองคาย จึงได้ทำการสกัดตามหลักยุทธวิธี เมื่อรถพังไปต่อไม่ได้ ได้ลงจากรถวิ่งหลบหนีในป่า ตำรวจได้ปิดล้อมและจับกุมได้ในที่สุด”
จากการสอบสวนนายยมนา ฯ ให้การสารภาพว่า ติดเสพยาบ้ามานานแล้ว เคยยิงคนตายที่ จ.หนองคาย ติดคุก 5 ปี พ้นโทษมาตั้งแต่ปี 2555 ระหว่างอยู่ในคุกรู้จักกับนายแฮกชาว สปป.ลาว อายุประมาณ 40 ปี ไม่รู้ว่าเขาติดข้อหาอะไร ตนออกมาก่อนและไม่ได้เจอกันอีก จนเมื่อประมาณเดือนที่แล้วไปเจอนายแฮกอยู่ที่หนองคาย โดยบังเอิญ นายแฮกจึงชักชวนให้มาขนยาบ้าให้ โดยจะซื้อรถเก๋งให้ใช้ในการลำเลียง ตนจึงตกลงร่วมงาน ทำมาแล้ว 1 ครั้ง ครั้งแรกได้เงิน 2 หมื่นบาท ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ตกลงค่าจ้าง 6 หมื่นบาท
“แต่ละครั้งจะไม่รู้ว่ามียาบ้ากี่เม็ด ครั้งที่แล้วจะมีใบสั่งให้ทิ้งไว้ตามจุดต่างๆ ครั้งนี้มีปลายทางไปส่งที่ อ.หนองแสง จ.อุดรธานี ครั้งแรกตนทำคนเดียว แต่ครั้งนี้มีน้องที่รู้จักกันในหมู่บ้านขอมาทำด้วย ตนก็ตกลงให้มาช่วยงาน คิดส่วนแบ่งให้ 2 หมื่นบาท แต่ก็มาถูกจับก่อน พวกตนยังไม่ได้เงินค่าจ้างเลย ตนตั้งใจจะทำงาน 3 – 4 ครั้ง ได้เงินก้อนมาก็จะเอามาตั้งตัว เอามาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ตนต้องส่งเงินไปเลี้ยงลูก 2 คน ที่อยู่กับอดีตแม่ยาย”
ส่วนนายภิญโญวิทย์ ฯ ให้การรับสารภาพว่า ตนติดยาบ้ามานานเช่นกัน ปกติจะรับจ้างทำงานทั่วไป ไม่มีงานเป็นหลักแหล่ง เห็นว่านายปุ๊ รุ่นพี่ ทำงานนี้แล้วได้เงินเยอะ ตนก็อยากทำบ้าง จึงขอพี่เขามาทำงานนี้ด้วย เพิ่งมาทำงานครั้งนี้เป็นครั้งแรก ตนอยากได้เงินไปใช้จ่าย อยากมีเงินเก็บไว้ให้แม่ เพราะแม่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ อยากมีเงินสักก้อนไว้เป็นเงินทุนให้แม่กลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน
เบื้องต้นตำรวจจะทำการขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก เนื่องจากแนวทางการสืบสวน พบว่าขบวนการนี้นำมากระจายในพื้นที่อีสานตอนบน ไม่ได้เข้าไปสู่พื้นที่ชั้นในของประเทศ และทำมานานแล้ว คาดว่าจะสามารถสืบสวนติดตามจับกุมได้ในไม่ช้านี้ ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 คน “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อหมายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และแจ้งข้อกล่าวหานายยมนา หรือปุ๊ เพิ่มเติม ขับขี่ยานพาหนะในขณะมีสารเสพติดในร่างกาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป