เศร้าใจครูปกครองโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดกาฬสินธุ์น้ำตาซึม หลังเจอกระแสโซเชียลดราม่าถล่มจนต้องขอโทษนักเรียนหน้าเสาธง เจ้าตัวยืนยันมีความตั้งใจอบรมสั่งสอนลูกศิษย์เป็นคนดีและมีระเบียบวินัย แต่อาจใช้คำไม่เหมาะสม ย้ำไม่กลัวว่าใครจะมองว่าเสียศักดิ์ศรี เพราะอยากให้นักเรียนทั้งหมดเข้าใจ ด้านผู้อำนวยการเตรียมให้ ครู นักเรียน และผู้ปกครองร่วมลงประชามติ เรื่อง ระเบียบว่าด้วย การแต่งกายของนักเรียน เพื่อให้เกิดความถูกต้อง และเหมาะสมกับทุกฝ่าย โดยจะถือเป็นแนวปฏิบัติของโรงเรียนร่วมกัน
กรณีมีการแชร์รูปภาพ และข้อความในโลกโซเชียลลักษณะมีกลุ่มนักเรียน LGBT + โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.กาฬสินธุ์ ที่แต่งหน้ามาเรียน ถูกครูเรียกไปพบหลังเลิกแถว โดยพูดหน้าแถวว่า “กะเทยพบครูหลังเลิกแถว” และเมื่อไปพบแล้วมีการอ้างว่า ถูกยึดเครื่องสำอาง และโดนกำชับให้ห้ามแต่งหน้า ให้ใส่ชุดนักเรียนตามเพศสภาพ และพูดในทะนองว่า ถ้าไม่พอใจให้ลาออกไป
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 มีรายงานว่า หลังจากมีการโพสต์ออกไปเกิดการวิพากษ์ พิจารณ์กันจำนวนมาก อีกทั้งหลายคนยังเข้าไปแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะการตำหนิ และดราม่าถล่มครูที่เป็นคนพูด รวมทั้งสื่อโซเชียลต่างพากันเสนอข้อมูลข่าวสาร โดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ และสอบถามข้อเท็จจริงกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และยังทำให้หลายคนไม่สบายใจ เพราะมองว่าอาจเป็นการอบรมสั่งสอนและอาจเป็นการว่ากล่าวตักเตือนลูกศิษย์ แต่ครูกลับเจอกระแสดราม่าถล่มจนยับ และเกรงว่าต่อไปครูจะไม่กล้าอบรมสั่งสอนเด็กนักเรียน เพราะกลัวกระแสโซเชียลอีก

ทั้งนี้ล่าสุดครูชายวัย 56 ปี (ขอสงวนชื่อนามสกุล) ซึ่งเป็นครูฝ่ายปกครอง ได้ออกมาชี้แจงเหตุผลและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่ขณะเข้าแถวหน้าเสาธงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมยืนยันว่าความตั้งใจจริงนั้นอยากที่จะอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดี และขอโทษนักเรียนหน้าเสาธงที่อาจใช้คำพูดไม่เหมาะสม และยืนยันว่าไม่ได้ห้ามแต่งหน้า ไม่ได้ค้นกระเป๋า และไม่ได้ยึดกระเป๋าของนักเรียน

โดยครูชายฝ่ายปกครอง ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนเองอาจใช้คำพูดไม่เหมาะสม โดยเฉพาะคำว่า “กะเทย” ซึ่งอาจทำให้กลุ่มนักเรียนไม่พอใจ แต่ก่อนพูดก็ได้ขออนุญาตว่าครูขอใช้คำนี้แล้ว ซึ่งเป็นการเรียกนักเรียนมาทำความเข้าใจและประชุมหาทางออกเรื่องการแต่งกายร่วมกัน ส่วนคำพูดที่บอกว่า “ถ้าไม่พอใจให้ลาออกไป” ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาพูดแบบนั้น แต่เป็นการพูดในลักษณะว่าหากกฎระเบียบของทางเรียนเข้มงวดเกินไป ก็สามารถย้ายโรงเรียนได้ เป็นการอบรมสั่งสอน ไม่ได้มีเจตนาให้ลาออก วันนี้จึงมาทำความเข้าใจและขอโทษนักเรียน โดยไม่กลัวว่าใครจะมองว่าเสียศักดิ์ศรี เพราะอยากให้นักเรียนทั้งหมดกว่า 3,600 คนเข้าใจ

ครูปกครองระบุอีกว่า จริงๆแล้วครูกับนักเรียนนั้นก็มีความผูกพันกัน ครูทุกคนก็เห็นนักเรียนเป็นลูก คอยอบรมสั่งสอนให้มีความรู้ เป็นคนดี ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ที่ตนรับราชการครู และตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่เป็นครูและทำหน้าที่ฝ่ายปกครองของโรงเรียนได้อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ได้ดิบได้ดีจบออกไปเป็นข้าราชการมีงานทำ เป็นคนดีของสังคมหลายร้อยคน ซึ่งเรื่องการดุด่า ว่ากล่าว ตักเตือนนักเรียนและลูกศิษย์เป็นเรื่องธรรมดาของครูฝ่ายปกครอง แต่จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการลูกศิษย์เป็นคนเก่ง เป็นคนดี มีความโอบอ้อมอารี และมีระเบียบวินัย ไม่มีครูคนใดคิดร้ายกับลูกศิษย์ เหมือนกับกรณีนี้ตนก็อยากให้ลูกศิษย์เป็นคนดี และมีระเบียบวินัยจึงได้ว่ากล่าวตักเตือน จึงอยากให้สังคม โดยเฉพาะโลกโซเชียลใช้สติในการศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน และให้ความเป็นธรรมกับตนเองด้วย โดยเฉพาะการค้นกระเป๋าและยึดเครื่องสำอ้างนั้นยืนยันว่าไม่ได้ทำอย่างเด็ดขาด และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง

ขณะที่นางจารุวรรณ รัตนมาลี ผู้อำนวยการโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ กล่าวว่า สำหรับระเบียบการแต่งกายนักเรียนนั้น ทางโรงเรียนก็ได้ยึดระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ โดยนำมาปรับใช้ตามความเหมาะสมของโรงเรียน ซึ่งระเบียบการแต่งกาย และทรงผมก็มีทั้งการอนุญาตและยืดหยุ่นให้นักเรียนตามความเหมะสม โดยเฉพาะนักเรียนที่ทำกิจกรรม

นางจารุวรรณ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในส่วนที่ปรากฏเป็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนั้นทางโรงเรียนได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนแล้ว และทางครูก็ได้ออกมาชี้แจงเหตุผลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีข้อมูลบางส่วนที่แชร์ออกไปเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แต่ทั้งหมดทั้งมวลยืนยันว่าทางคณะครูมีความตั้งใจที่จะอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดี และมีระเบียบวินัย
อย่างไรก็ตามหลังเกิดกระแสดราม่า ในส่วนของระเบียบการดูแลนักเรียน ฝ่ายบริหารของโรงเรียนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะดำเนินการให้ครู นักเรียน และผู้ปกครองร่วมลงประชามติ เรื่อง ระเบียบว่าด้วย การแต่งกายของนักเรียน เพื่อให้เกิดความถูกต้อง และเหมาะสมกับทุกฝ่าย โดยจะถือเป็นแนวปฏิบัติของโรงเรียนร่วมกันต่อไป