หญิงวัย 25 ชาว อ.คูเมืองบุรีรัมย์ โร่แจ้งตำรวจเอาผิดลุงป้าอ้างโดนรุมทำร้ายและขู่ฆ่า เหตุแค่ดินที่ถมคันสระไหลใส่นา อีกฝ่ายเผยถูกหลานยั่วยุพยายามลุกล้ำที่ดินทั้งนาและบ้านถึงขั้นปิดทางเข้าออก ทั้งที่ในโฉนดระบุเป็นทางสาธารณะเป็นปัญหามาตลอดจนเหลืออด ผญบ.ชี้ทั้ง 2 ฝ่ายมีปัญหาพิพาทปมที่ดินมาหลายปีวอนผู้เกี่ยวข้องช่วยสะสางหวั่นเกิดเหตุรุนแรงบานปลาย



วันที่ 15 มิ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ฐิตาพร แคว้นไธสง หรือโรส อายุ 25 ปี ชาว อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.คูเมือง ให้ดำเนินคดีกับนายทวี และนางคำตัน (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงกับป้า โดย น.ส.ฐิตาพร ให้ข้อมูลว่าได้ถูกลุงกับป้ารุมทำร้ายร่างกายทั้งเตะตามลำตัวและตบหน้าหลายครั้งจนร่างกายบอบช้ำ อีกทั้งลุงยังถือมีดปลายแหลมพยายามจะแทงด้วย เหตุเกิดที่บริเวณทุ่งนาบ้านหัวถนน ต.พรสำราญ อ.คูเมือง ช่วงเวลา 09.00 น. วันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา สาเหตุเนื่องจากลุงกับป้าไม่พอใจ ที่ดินจากคันสระของหลานสาวซึ่งอยู่ติดกันไหลโดนที่นาของตัวเอง ทั้งหาว่าหลานพยายามนำพืชผักต่างๆ ไปปลูกลุกล้ำที่นาของลุงกับป้าด้วย เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หลานสาวและคนในครอบครัวหวาดกลัวจะไม่ปลอดภัย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งลุงกับป้า




น.ส.ฐิตาพร ยังบอกอีกว่า ที่ผ่านมาครอบครัวตนและลุงกับป้ามีปัญหาเรื่องที่ดินกันมาเกือบ 10 ปีแล้ว ทั้งที่บ้านและที่นาที่อยู่ติดกัน เพราะลุงกับป้าชอบหาเรื่องว่าตนและครอบครัวไปปลูกพืชผัก และต้นไม้ลุกล้ำในที่ดินของเขา ทั้งที่ไม่เป็นความจริงเราก็ปลูกและทำในที่ดินของฝั่งเราแต่ป้าไม่พอใจก็พยายามมาถอนพืชผักและต้นไม้ทิ้ง ทำให้เกิดมีปากเสียงกันมาตลอด ซึ่งทางครอบครัวตนก็ไม่อยากมีปัญหาก็พยายามเลี่ยงไม่ตอบโต้ และแม่ก็เคยบอกลุงกับป้าว่าถ้าไม่สบายใจหาว่าฝั่งตนไปลุกล้ำที่ดินเขา ก็ให้ไปยื่นเรื่องขอรังวัดที่ดินจะได้เกิดความชัดเจนเขาก็ไม่ยอมทำ จนล่าสุดตนออกไปดูที่ที่เพิ่งขุดสระเสร็จ แล้วป้าก็หาว่าดินจากขอบสระไหลใส่ที่นาเขา และหาว่าตนไปปลูกผักล้ำที่เขาก็ถอนทิ้ง จนเกิดมีปากเสียงกันแล้วป้าก็ไม่ทำร้ายตนก่อนที่ลุงจะวิ่งมารุมทำร้ายอีก แถมลุงยังถือมีดในมือพยายามจะแทงตนเองด้วยแต่ลูกชายเขาปัดออกก่อนไม่งั้นคงถูกแทงไปแล้ว ตอนนี้กลัวมากทั้งตนและแม่ไม่กล้าออกไปทำนาคนเดียว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปพูดคุยกับนายทวี ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง บอกว่า วันนั้นภรรยาตนและหลานสาวตบตีกันจริงต่างฝ่ายต่างก็ตีกันเพราะหลานสาวปลูกผักมาลุกล้ำที่นาของเรา ซึ่งตอนนั้นตนอยู่ในบ้านได้ยินเสียงก็วิ่งไปดูพยายามเข้าไปห้ามไม่ได้ไปรุมทำร้าย ส่วนที่หลานกล่าวหาว่าตนถือมีดจะไปแทงนั้นไม่เป็นความจริงตนไม่ได้ถือมีดไป แต่เป็นมีดที่หลานถือมาเองแต่ลูกชายตนปัดออกจากมือหลานช่วงที่หลานตบตีกับแม่ ส่วนปมปัญหาก็ยอมรับว่ามีปากเสียงกันมานานหลายปีแล้วก็เรื่องที่ดิน เพราะหลานและครอบครัวพยายามจะมาลุกล้ำที่ดินของครอบครัวตน และเมื่อ 4- 5 ปีที่ผ่านมาก็มาปิดทางไม่ให้เข้าออกหน้าบ้าน ทั้งที่ในโฉนดก็ระบุว่าเป็นทางสาธารณะใช้สัญจรร่วมกันมาตั้งแต่พ่อแม่ พร้อมทั้งได้นำโฉนดออมาให้ดูด้วย แต่เขาก็มาปิดครอบครัวตนก็เดือดร้อนต้องไปเข้าออกอีกฝั่งหนึ่ง การกระทำของหลานและครอบครัวเหมือนเป็นการยั่วยุก็ทนมาตลอด ที่ผ่านมาเคยไปร้องเรียนเรื่องขอให้เปิดทางเข้าออกดังกล่าวเหมือนเดิม แต่ก็ไม่มีใครตรวจสอบหรือดำเนินการอะไรให้
ด้านนายสมหมาย กัวศิริกุล ผู้ใหญ่บ้านหัวถนน บอกว่า สองครอบครัวยนี้มีปัญหาพิพาทเรื่องที่ดินกันมาหลายปีแล้ว ทั้งสองฝ่ายเคยมาร้องเรียนกับตนเองก็พยายามไปพูดคุยไกล่เกลี่ยให้ แต่ต่างฝ่ายต่างก็มีอารมณ์จึงไม่สามารถพูดคุยกันได้ กระทั่งล่าสุดถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันตนจึงแนะนำให้ฝั่งที่ถูกทำร้ายไปแจ้งความเอาไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเกินอำนาจหน้าที่ของตนเอง ในฐานะผู้ใหญ่บ้านก็ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย หากเป็นไปได้ก็อยากให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้ามาเป็นคนกลางในการพูดคุยหาทางออก เพราะเกรงหากปล่อยไว้จะเกิดเหตุรุนแรงบานปลายมากกว่านี้