เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 ก.ค. 2566 ที่ หอประชุมที่ว่าการอำเภอเปือยน้อย จังหวัดขอนแก่น นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “สร้างเศรษฐกิจฐานราก สร้างชาติมั่นคง” ภายใต้โครงการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก เพื่อการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยมี สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน ฯ และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก


นายอนุชาฯ กล่าวว่า รัฐบาล ต้องการให้ประชาชนทุกกลุ่มทั่วประเทศ โดยเฉพาะพี่น้องที่ประกอบอาชีพเกษตรกรมีความกินดี อยู่ดี ต้องการให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน สามารถมีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ซึ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความเหมาะสมกับการเลี้ยงสัตว์และการเกษตรเป็นอย่างมาก คิดเป็น 70% ของพื้นที่ ถือครองทั่วประเทศ มีจำนวนโค-กระบือ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศ จึงถือได้ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นแหล่งการเลี้ยงสัตว์ที่สำคัญของประเทศ และสามารถยกระดับให้เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาธุรกิจอาหารและการเกษตรด้านปศุสัตว์รองรับการเติบโตของภูมิภาคอาเซียนและรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือส่งไปขายทั่วโลกได้


นายอนุชาฯ ย้ำว่า ปัจจุบัน ทุกประเทศในกลุ่มอาเซียน มีความต้องการโคเนื้อและกระบือเพิ่มมากขึ้น แต่ประเทศไทยมีการเลี้ยงโคเนื้อ กระบือลดลง กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ได้ดำเนินโครงการ “โคล้านครอบครัว” เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรหันกลับมาเลี้ยงโคเนื้อและกระบือเพิ่มมากยิ่งขึ้น สามารถผลิตโคเนื้อคุณภาพ ตอบสนองความต้องการของตลาดภายในประเทศ และส่งออกไปจำหน่ายในประเทศอาเซียนได้
ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เจรจากับประเทศเวียดนามเป็นผลสำเร็จ เวียดนามอนุมัติให้ฟาร์มโคกระบือของไทย ที่ได้แจ้งความประสงค์จะส่งออกโคกระบือมีชีวิตเพื่อการบริโภค สามารถส่งออกจากไทยไปยังเวียดนามล๊อตแรก 14 ฟาร์ม จำนวน 7,000 ตัว ประมาณมูลค่ากว่า 295 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า ต่อไปในอนาคตตลาดจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลต่ออาชีพการเลี้ยงโคให้มีรายได้อย่างยั่งยืน มีเงินมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยไม่ต้องออกไปทำงานต่างถิ่นอีกต่อไป
“สำหรับการผลิตโคเนื้อ ขอให้เกษตรกรอย่าเป็นกังวล กรมปศุสัตว์จะมีการสนับสนุน ควบคุมและกำกับดูแลคุณภาพมาตรฐานการเลี้ยงโคเนื้อ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ให้เป็นไปตามมาตรฐานฟาร์มปลอดโรค (GFM) มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสัตว์ (GAP) รวมไปถึงการรับรองฟาร์มปลอดการใช้สารเร่งเนื้อแดง ตลอดจนมาตรฐานโรงฆ่าสัตว์และสินค้าปศุสัตว์ เพื่อสร้างความมั่นใจและดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ”