จังหวัดยโสธรจัดงานเกษตรอินทรีย์วิถียโสธรสัญจร กิจกรรมดำนาอัจฉริยะ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของจังหวัดยโสธร ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดยโสธร กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า ยโสธรเมืองเกษตรอินทรีย์ เมืองแห่งวิถีอีสาน
วันที่ 7 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.30 น. ณ ทุ่งหอมมะลิอินทรีย์ บ้านโคกกลาง ตำบลลุมพุกอำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร นายวิรุจ วิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานเปิดงานเกษตรอินทรีย์ วิถียโสธรสัญจร "กิจกรรมดำนาอัจฉริยะ " โดย นางธนมน วัฒนเรืองโกวิท ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดยโสธร ร่วมกับสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดยโสธร ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการฯได้ร่วมกันจัดขึ้น สืบเนื่องจากจังหวัดยโสธรทำการเกษตรอินทรีย์มายาวนานอย่างต่อเนื่องโดยมีเกษตรกรในจังหวัดยโสธร ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้จังหวัดยโสธร จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางถึงแนวทางการทำเกษตรอินทรีย์ของจังหวัดยโสธร ทำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คัดเลือกให้จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดต้นแบบในการขับเคลื่อนและขยายผลการทำเกษตรอินทรีย์ ทั้งด้านการเพิ่มจำนวนเกษตรกร จำนวนพื้นที่เกษตรอินทรีย์ จำนวนผลผลิต แปรรูปจากผลผลิตและองค์ความรู้ด้านต่างๆ จากการทำเกษตรอินทรีย์ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่อยู่ในวิสัยทัศน์ของจังหวัดยโสธรมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน ตามแผนพัฒนาจังหวัดยโสธร พ.ศ.2566 -2570 กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า "ยโสธรเมืองเกษตรอินทรีย์ เมืองแห่งวิถีอีสาน " โดยมีเป้าหมายในการขยายพื้นที่ทำการเกษตรของจังหวัดยโสธรให้เป็นเกษตรอินทรีย์เพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นให้มีการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และเชิญชวนให้เกษตรกรเล็งเห็นคุณค่าและประโยชน์ที่ดีของการทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพ และเป็นการยกระดับคุณภาพการผลิต เพิ่มมูลค่าของการทำเกษตรอินทรีย์ ตลอดจนรักษาระบบนิเวศน์โดยองค์รวม ดังนั้น การทำเกษตรอินทรีย์ จึงมีความสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคการเกษตรที่ยั่งยืน โดยกิจกรรมในวันนี้ประกอบด้วย การปล่อยปลา, การหว่านแหนแดง, การสาธิตการทำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ (ปั้นก้อนสรรพสิ่ง), การจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัยของกลุ่มเกษตรกร เช่น กลุ่มผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ กลุ่มผู้ผลิตน้ำอ้อย กลุ่มผู้ผลิตพืชผักอินทรีย์รวมถึงผลิตภัณฑ์จากการแปรรูปผลผลิตจากสินค้าเกษตรต่าง ๆ เป็นต้น นิทรรศการ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน และการสาธิตการทำนาอัจฉริยะ โดยการใช้รถไถนาที่ต่อพ่วงสำหรับเป็นที่นั่งและบรรทุกต้นกล้าข้าวก่อนจะใช้แรงงานคนไปนั่งเรียงกัน จำนวน 5 คน แล้วให้คนที่นั่งช่วยกันปักดำนาในขณะที่รถไถนาก็จะเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ซึ่งวิธีการดำนาแบบนี้เป็นการประหยัดแรงงานคนและสามารถปักดำนาได้พื้นที่เป็นจำนวนมากในแต่วัน โดยจากการทดสอบพบว่าใช้แรงงานคนปักดำนา จำนวน 5 คน และคนขับรถไถนาอีก 1 คน สามารถปักดำนาได้ไม่ต่ำกว่า 5 ไร่ ต่อ 1 วัน และมีค่าใช้จ่ายต่อวันไม่เกิน 2,500 บาท ซึ่งเป็นค่าจ้างแรงงานคน จึงถือว่าเป็นวิธีการปักดำนาที่คุ้มค่าและรวดเร็วกว่าวิธีที่ให้คนลงเดินปักดำนากันเอง
DCIM\100MEDIA\DJI_0499.JPG