แม่ค้าออนไลน์ชาวบุรีรัมย์ 1 ในเหยื่อ “แชร์บ้านหมิว” ปล่อยโฮถูกเท้าหลอกร่วมระดมทุน เล่นแชร์ เสนอดอกสูงจูงใจ สุดท้ายเบี้ยวไม่จ่ายอ้างโดยบล็อกบัญชี สูญ 2 ล้าน พร้อมเผยมีลูกแชร์หลายจังหวัดร่วม 100 โดนโกงคาดเสียหายเกือบ 50 ล้าน รวมตัวแจ้งความที่ร้อยเอ็ดแต่เท้ายื่นประกันตัว วอน ตร.เร่งดำเนินคดีหวั่นหลบหนี





วันที่ 4 ส.ค. 2566 น.ส.วิลาสินี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี แม่ค้าขายออนไลน์ชาวจังหวัดบุรีรัมย์หนึ่งในเหยื่อ “แชร์บ้านหมิว” ได้นำเอกสารหลักฐานทั้งสลิปการโอนเงิน ข้อความการสนทนา และการเชิญชวน ร่วมระดมทุน เล่นแชร์ และออมทองคำผ่านโซเชียล ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ หลังจากถูก น.ส.หมิว อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นเท้าแชร์ชาว จ.ร้อยเอ็ด หลอกให้ร่วมระดมทุน เล่นแชร์ โดยเสนอดอกเบี้ยสูงจูงใจเฉลี่ยร้อยละ 10 ต่อวัน อาทิ หากลูกแชร์คนไหนลงเงินต้น 18,000 บาท แล้วปิดภายใน 2 วันจะได้ดอกเบี้ย 2,000 บาท แต่หากลงเงินต้น 18,000 บาท แล้วปิดยอดภายใน 15 วัน จะได้ดอกเบี้ยถึง 30,000 บาท และหากใครเป็นมือหลังๆ จะได้ดอกเบี้ยสูงมากกว่านี้แบบขั้นบันได ทำให้มีทั้งผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว พ่อค้า แม่ค้า จากหลายจังหวัดสนใจร่วมสมัครเป็นสมาชิกหรือลูกแชร์มากกว่า 100 คน ซึ่งช่วงแรกๆ ก็ได้ผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยจริงเพื่อให้ตายใจ แต่พอลูกแชร์เริ่มลงเงินต้นยอดสูงมากขึ้น น.ส.หมิว เท้าแชร์ก็เริ่มจ่ายเงินไม่ตรง กระทั่งต้นเดือน ก.ค. 66 เริ่มผลัดวันและไม่จ่าย และช่วงกลางเดือน ก.ค.66 เรื่องก็แดงขึ้นเมื่อมีคนโพสต์ในไลน์กลุ่มว่าเท้าแชร์เบี้ยวจ่ายเงิน และเมื่อลูกแชร์ โทรศัพท์และไลน์ไปสอบถาม เท้าแชร์ก็อ้างเหตุผลสารพัด ทั้งอ้างว่าถูกสรรพกรตรวจ สแกนหน้าไม่ผ่านบ้าง และล่าสุดก็อ้างว่าโดนล็อกบัญชีทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินได้ แต่ลูกแชร์ไม่เชื่อคาดว่าน่าจะถูกเท้าแชร์เบี้ยวหรือเจตนาโกงเงินมากกว่า ซึ่งจากข้อมูลคาดว่าลูกแชร์ทั้ง 100 ราย น่าจะมียอดเสียหายเกือบ 50 ล้านบาท



ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ส.ค.66 ที่ผ่านมา ลูกแชร์ที่เป็นผู้เสียหายได้รวมตัวกันนำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองร้อยเอ็ด ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.หมิว เท้าแชร์ชาวร้อยเอ็ด ในข้อหา “ฉ้อโกง และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์” และทราบว่า น.ส.หมิว ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และได้ยื่นประกันตัวออกไปแล้ว
น.ส.วิลาสินี ยังกล่าวทั้งน้ำตาว่า ปกติทำอาชีพขายของออนไลน์ พอเห็นมีการโพสต์เชิญชวนร่วมเล่นแชร์บ้านหมิว ซึ่งให้ดอกเบี้ยสูงจูงใจกว่าแชร์กลุ่มอื่นๆ มาก จึงหลงเชื่อเข้าไปร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งช่วงแรกก็ได้ผลตอบแทนจริง พอเห็นว่าได้ดอกเบี้ยสูงจริงตามที่มีการเชิญชวน จึงมีเพื่อนและคนรู้จักมาร่วมลงทุนผ่านตนเองด้วย แต่สุดท้ายกลับโดนโกงไม่ได้คืนทั้งต้นและดอก เฉพาะตนเองและคนที่ฝากผ่านตนเองมาร่วมลงทุนสูญกว่า 2 ล้านบาท ทำให้เดือดร้อนต้องแบกรับภาระเอง จึงได้ออกมาร้องเรียนเพราะอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดีกับเท้าแชร์ และให้นำเงินมาคืนผู้เสียหายด้วย