จากกรณีที่แม่เด็กอายุ 16 ปี เข้าร้องทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เข้าช่วยเหลือที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลีง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ซึ่งลูกชายมีอาการสมองบวม /ตาซ้ายบอด/ไหปลาร้าและแขนหัก จนต้องนอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้






จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา โดย น.ส.นันทิชา ศรีสุข (แม่ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส)ของนายอนุชา ศรีสุข อายุ 16 ปี มีอาการได้รับบาดเจ็บสมองบวม, ตาซ้ายบอด, ตาขวามองเห็นลางๆ, ไหล่หัก, แขนทั้งสองข้างหัก, และกระดูกใบหน้าแตก จำเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุไม่ได้ มีบ้านพักเลขที่ 25 หมู่ 8 ต.เมืองลีง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์, น.ส.โชรยา สุขจิต อายุ 34 ปี(แม่ผู้เสียชีวิต)ของ ด.ช.ณัฐวุฒิ สุดโสม อายุ 14 ปี มีบาดแผลที่ข้อเท้าด้านขวา, ขาข้างขวาหักกระดูกโผล่ออกมาข้างนอกเนื้อ, เลือดออกที่ช่องท้อง ปอดฉีกและสมองบวม เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ, และนางจันทนา จำเริญใหญ่ อายุ 48 ปี(แม่ผู้บาดเจ็บสาหัส)ของ ด.ช.ก้องหล้า จำเริญใหญ่ อายุ 14 ปี มีบาดแผลที่ขาซ้าย, นิ้วขาซ้ายหัก 2 นิ้ว, ปอดรั่ว, ไตแตก, และม้าม แพทย์ต้องทำการผ่าตัดด่วน ส่วนแม่ของผู้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 2 คน มอบให้แม่น้องทั้งสามดำเนินการ ว่า ลูกชายทั้ง 5 คนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์จะไปเที่ยวงานในหมู่บ้านโดยเด็กทั้ง 3 คน ได้ขับขี่ซ้อนท้ายกันมาด้วยรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีแดงดำ หมายเลขทะเบียน 1กล-1747 สุรินทร์ สภาพหน้ารถจักยานยนต์พังยับ ส่วนรถจักยานยนต์ของเพื่อนอีก 2 คนยี่ห้อฮอนด้าเวฟไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งถูกรถยนต์กระบะพุ่งเข้าชนยี่ห้อโตโยต้าแค๊ปสีเทาเงิน หมายเลขทะเบียน ตม-1346กรุงเทพมหานคร ด้านซ้ายแตกยุบ ซึ่งรถทั้ง 3 คันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อายัดไว้ที่ สภ.เมืองลีง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์


ล่าสุดวันที่ 8 สิงหาคม 2566 ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านหนองขาม ต.เมืองลีง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ดูบริเวณที่มีกลุ่มชาวบ้านออกมาถือจอบเสียมและอาวุธครบมือ ได้พบกับ นายจำลอง มีชาลี อายุ33ปี ( ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หนองขาม ที่ถูกอีกฝ่ายกล่าวหา ว่าใช้กลุ่มวัยรุ่นไล่ฆ่าผู้ตาย ใส่เสื้อ ม่อฮ่อมสีกรม ) เล่าว่า วันที่เกิดเหตุ (2 มิ.ย.66)ได้มีกลุ่มวัยรุ่นมาปาระเบิด หลายรอบในหมู่บ้าน โดยรอบแรกเวลา 22.00น. ตนเองได้ออกไปดูบริเวณสามแยกทางเข้าหน้าบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มวัยรุ่นนำระเบิดมาโยน แล้วก็เดินกลับมาที่บ้านผ่านไป 1ชั่วโมง กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวก็ยังมาก่อเหตุซ้ำอีก ตนได้ถือพุไฟเพื่อเดินไปจุดขับไล่กลุ่มวัยรุ่นและ และ และที่เห็นในกล้องวงจรปิดที่มีประกายไฟไม่ใช่ปืนอย่างที่กล่าวหา เป็นพลุไฟไม่ใช่ปืนอย่างที่เป็นข่าว ซึ่งตนก็ไม่เคยมีปัญหากับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวที่มาโยนระเบิด และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการตายของเด็กวัยรุ่นในครั้งนี้อย่างที่โดนกล่าวหาว่าเป็นคนสั่งให้ลูกบ้านไปทำร้ายผู้ตายจนถึงแก่ความตาย


สัมภาษณ์ คุณยายเกตุ โครตวงษา อายุ 86 ปี (ชาวบ้านในละแวกที่โดนโยนระเบิดใส่ (เสื้อคอกระเช้าลายดอกสีชมพู) วันที่เกิดเหตุได้มีกลุ่มวัยรุ่นมาปาระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนทำให้ตนแทบช็อค และตื่นสั้นไปทั้งตัวจนต้องเดินออกไปดูนอกบ้านจนเหตุกลุ่มชาวบ้านหลายคน
จากนั้นทีมข่าวจึงได้พบกับ น.ส.เดือน โครตวงษา (เสื้อคอกลมสีชมพู) ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เล่าว่า จากที่เหตุการณ์นี้กลุ่มวัยรุ่นที่ถูกรถชนนั้น ได้ขับรถจักรยานยนต์พากันมาพร้อมกับโยนระเบิดปิงปองที่ครั้งและก็วนกลับมาโยนอีก ซึ่งทำแบบนี้มา 6 ครั้ง โดยตนไม่ทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นของบ้านหนองขามกับกลุ่มเด็กที่เสียชีวิตนั้นว่าไปเรื่องอะไรกัน จนกระทั่งมาเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น
นายลิยะ เครือจันทร์ (สวมหมวกเสื้อลายตราแขนยาว) อายุ 39 ปี (ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ถือจอบสวมเสื้อสีขาวตามในคลิป) เล่าว่า ตนได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านหนองขามได้ 2 วัน ซึ่งในวันเกิดเหตุนั้นตนได้ยินเสียงระเบิดปิงปองดัง 2 ครั้ง ตนจึงรีบออกมาดูพร้อมกับยอมรับว่าตนเป็นคนถือจอบตามที่เห็นอยู่ในคลิป กลุ่มวัยรุ่นได้ขับรถจักรยานยนต์วนมาอีกหนตนจึงหยิบก้อนหินที่ตนติดตัวมาปาใส่ไป กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็กลับรถขับออกไปตนก็รีบขับรถจักรยานยนต์ตามไปถึงนอกหมู่บ้านตนก็ขับกลับเข้าหมู่บ้านคืน ตนวอนแม่ผู้ตายและแม่ผู้บาดเจ็บขอให้หยุดพูดต่างๆ นาๆ และเรื่องพูดว่าหมู่บ้านหนองขามนั้นเป็นฆาตกรนั้น อย่าเหมาชาวบ้านและกลุ่มเด็กอื่นๆในหมู่บ้านนั้นไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรขอให้หยุดพูดเพราะทำให้หมู่บ้านหนองขามเสียหาย
ทีมข่าวได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองลีง ขอพบ พ.ต.ท.เอกชัย สมัครสมาน สวญ.สภ.เมืองลีง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ แต่ไม่พบไปราชการจังหวัด จึงได้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ทราบว่า คดีความตอนนี้ได้ตั้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว โดยทางเด็กอายุ 13 ปี ได้รับกับเจ้าหน้าที่ว่าเคยขับรถยนต์กระบะ โดยทางเด็กยืนยันว่าตัวเองเป็นคนขับรถยนต์กระบะเอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าเด็กเป็นผู้กระทำผิดในเบื้องต้น หลังจากนั้นแม่เด็กได้ออกมาพบพนักงานสอบสวนว่าลูกตนเองไม่ได้ขับขอให้การใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องไปที่สหวิชาชีพเหมือนเดิมก็ไปสอบปากคำเด็กเพิ่มเติม เด็กก็กลับคำให้การว่าเด็กไม่ได้ขับเป็นอีกคนหนึ่งขับ ซึ่งในวันเกิดเหตุก็นั่งรถไปด้วยกัน เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมหลักฐานพร้อมกับเรียกนายขอไข่. มาทราบข้อกล่าวหาและแจ้งนายขอไข่.เป็นผู้ต้องหาอีกคนหนึ่งด้วย โดยขั้นตอนครั้งนี้ได้สอบปากคำไปหลายปากแล้วและรอผลเพิ่มเติมหลักๆ คือผลพิมพ์มือของผู้ต้องหานายขอไข่. ส่วนผลการพิสูจน์หลักฐานพร้อมกับพิจารณาผู้ต้องสงสัยอยู่ ซึ่งมีชุดสืบสวนจากจังหวัดเข้ามาช่วยสืบสวนในข้อมูลที่ยังตกหล่นและจะรีบส่งสำนวนการสอบสวนเสนออัยการต่อไป
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาเบื้องต้นข้อหาทำร้ายร่างกาย(ขับรถไล่ชน)ผู้อื่นได้รับอันตรายถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัสและบาดเจ็บ ในส่วนเรื่องขับรถไม่มีใบขับขี่ข้อหาเล็กๆน้อยๆ กรณีตามคลิปที่มีชาวบ้านถือจอบถือเสียมหรืออาวุธลักษณะคล้ายปืน ตอนนั้นพอเกิดเหตุเด็กกลุ่มจักรยานยนต์ที่เกิดเหตุได้ขับรถเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมกับโยนระเบิดปิงปองก่อกวนชาวบ้าน หลังจากนั้นชาวบ้านก็เดือดร้อนรำคาญเขาก็พากันออกมาจากบ้านลักษณะออกมาไล่ให้ไปที่อื่น ซึ่งอันนี้ตามพยานหลักฐานที่ได้มา ชาวบ้านก็เลยถือไม้ถือมีดที่มีอยู่ออกมา