ชาวบ้านในตำบลอิตื้อ อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ พื้นที่คนร้ายก่อเหตุ “ลักลอบตัดไม้พะยูง” สงสัยมวยล้ม “พะยูงล่องหน” มอดไม้ลอยนวล เชิญชวนสังคมช่วยจับตาฝีมือตำรวจผู้รับผิดชอบคดี จนต้องหันพึ่งไสยศาสตร์ ปลุกอาถรรพ์ผีป่าสาปแช่งให้มีอันเป็นไป
ความคืบหน้าไม้พะยูงของกลาง มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ที่ถูกคนร้ายลักลอบตัดจากพื้นที่สถานีเพาะชำกล้าไม้ จ.กาฬสินธุ์ โดยขนย้ายท่อนไม้ไปจำนวนหนึ่ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ธนารักษ์ร่วมกับนายก ทต.อิตื้อ พนักงานสอบสวน สภ.โนนสูง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มีมติให้นำไม้พะยูงส่วนที่เหลือ ไปเก็บไว้หน้าเสาธงบริเวณสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ก่อนที่จะหายไปไร้ร่องรอย เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่รัฐ 6 คน มีส่วนเกี่ยวข้องและทยอยเข้าให้ปากคำ แต่ยังให้การปฏิเสธ ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.ห้วยเม็ก เข้าแจ้งเบาะแส นำสู่การนำตัวคนขับรถเครนเข้าสอบปากคำ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสูง ได้กันตัวไว้เป็นพยานตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น


ล่าสุด วันที่ 14 สิงหาคม 2566 ชาวบ้านในพื้นที่ ต.อิตื้อ ต.คลองขาม และต.โนนสูง อ.ยางตลาด และ ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก ซึ่งพื้นที่ติดต่อกัน ยังคงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคดีไม้พะยูงของธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ที่สถานีเพาะชำกล้าไม้ฯ ถูกคนร้ายลักลอบตัด และต่อมาถูกคนร้ายขนย้ายไม้พะยูงของกลางไปจากหน้าเสาธง บริเวณสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อตั้งแต่ตอนเย็นของวันที่ 5 ส.ค.66 ที่ผ่านมา โดยถึงวันนี้เวลาผ่านมาเกือบ 10 วัน ยังไม่มีความคืบหน้าในส่วนของการติดตามคนร้าย ทั้งๆที่มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสูงได้เรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำหลายราย แต่ยังปกปิดข้อมูลโดยไม่มีรายงานผลออกมาว่ากี่ปาก และติดตามคดีถึงไหนแล้ว ทำให้มีประเด็นใหม่ สงสัยมวยล้ม “พะยูงล่องหน” เกิดขึ้น




นายสมพงษ์ ภูชมศรี รองนายกเทศมนนตรีตำบลโนนสูง ซึ่งเปิดร้านขายของชำและติดตั้งกล้องวงจรปิดหน้าร้าน ติดถนนที่เป็นเส้นทางหลักสายอิตื้อ-โนนสูง-ห้วยเม็ก กล่าวว่า คดีไม้พะยูงที่สถานีเพาะชำกล้าไม้ถูกคนร้ายลักลอบตัด และต่อมาถูกคนร้ายขนย้ายไม้พะยูงของกลางไปจากหน้าเสาธง บริเวณสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ ตนทราบข่าวสารจากโซเชียล และชาวบ้านพูดคุยกันเท่านั้น ไม่เห็นว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถามหรือขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดเลย ซึ่งเท่าที่ทราบกล้องวงจรที่เป็นของเทศบาลตำบลโนนสูง ตามจุดต่างๆยังไม่มี เพราะยังรองบประมาณจัดซื้ออยู่ จะมีก็เป็นของเอกชน ตามหน้าร้านหรือหน้าบ้านเท่านั้น ในส่วนของกล้องวงจรปิดในเขต ต.อิตื้อ ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียง เท่าที่ทราบเคยมี แต่ที่ฟังจากคนอื่นบอกมากล้องชำรุด และบางตัวถูกถอดออกไป ก่อนที่จะเกิดเหตุไม้พะยูงถูกขนย้ายไป โดยที่ยังไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ




ด้านนางสาวพวงประภา จรทะผา อายุ 38 ปี บ้านแกใต้ ม.3 ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เกิดมาก็เห็นต้นพะยูงต้นที่ถูกคนร้ายมาลักลอบตัดต้นใหญ่แล้ว ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนบอกว่าน่าจะมีอายุมากกว่า 100 ปี ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนและชาวบ้าน ต่างรู้สึกรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งต้นไม้ทุกต้นภายในสถานีเพาะชำกล้าไม้แห่งนี้ ที่ถือได้ว่าเป็นปอดของชุมชนก็ว่าได้ เพราะอยู่ติดกับหมู่บ้านและอ่างเก็บน้ำหนองหญ้าม้า ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และธรรมชาติ และถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งการท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของ จ.กาฬสินธุ์ โดยด้านทิศใต้เป็นป่าไม้ของธนารักษ์และด้านทิศเหนือเป็นอ่างเก็บน้ำฯ ที่มีบัวแดงเกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งดอกบัวแดงจะบานในเวลาเช้า แลดูสวยงามมาก

นางสาวพวงประภากล่าวอีกว่า ที่บริเวณจุดชมวิวดอกบัวแดง ตรงข้ามประตูเข้าศูนย์เพาะชำกล้าไม้ฯ ใกล้กับต้นพะยูงที่ถูกคนร้ายลักลอบตัด ยังมีต้นจามจุรีขนาดใหญ่ อายุหลายร้อยปี แผ่กิ่งก้านสาขาสวยงาม ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นที่สถิตของรุกขเทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง มีผู้สมหวังจากการบนบานหลายคน จึงนำผ้าแพรเจ็ดสีมาทำพิธีบวงสรวง และจึงเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านอีกแห่งหนึ่ง โดยจะมากราบไหว้ อธิษฐานขอพรเป็นประจำ บางคนเรียกชื่อท่านว่าปู่จามจุรี บางคนเรียกว่าปู่หนองหญ้าม้า หรือและปู่หนองบัวแดง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับได้ตัวขบวนการลักลอบตัดไม้และขนย้ายไม้จากเทศบาลตำบลอิตื้อได้ ในฐานะที่ตนเป็นชาวบ้านที่มีความรักและหวงแหนทรัพยากรป่าไม้คนหนึ่ง จึงได้มาบนบานต่อรุกขเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งผีป่า ผีเจ้าที่เจ้าทาง ได้ดลใจให้คนร้ายนำไม้มาคืนหรือมอบตัวด้วย หากไม่นำมาคืนหรือไม่มามอบตัว ขอให้มีอันเป็นไปภายใน 3 วัน 5 วัน
