สลดหลานชายวัย 18 ปี เกิดอาการคลุ้มคลั่งคว้ามีดตะขอดายหญ้าฟันศีรษะตาย-ยายเสียชีวิตทาที่ 2 ศพ ชาวบ้านและตำรวจตามรวบทันควันคุมตัวไปสอบสวน พร้อมส่งตรวจปัสสาวะหายาเสพติด เบื้องต้นยังให้การวกวนพูดจาไม่รู้เรื่อง ก่อนแจ้งข้อหาฆ่าบุพการี

วันที่ 28 สิงหาคม 2566 พ.ต.ท.มังกร ชมจิตร สารวัตรเวร สภ.เมืองกาฬสินธุ์ รับแจ้งเหตุหลานชายใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายตากับยายเสียชีวิต ที่บ้านเชียงเครือ ม.2 ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชา และเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.อิทธิเดช สุนทร ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.ท.สุเทพ ภูกัณหา รองผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.ท.อภิชาติ ประพิณ รองผกก.(ป.)สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ผู้นำชุมชน หน่วยกู้ภัย และแพทย์เวรโรงพยาบาลกาฬสินธุ์

โดยที่เกิดเหตุอยู่บ้านเลขที่ 33 ม.2 บ้านเชียงเครือ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ พบชาวบ้านมุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก จากการตรวจสอบพบศพนางสุชาดา นันสถิตย์ อายุ 58 ปี เจ้าของบ้านนอนเสียชีวิตบนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน สภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกของมีคมฟันบริเวณท้ายทอยยาวมาถึงแก้มด้านขวาเป็นแผลฉกรรจ์ ใกล้กันพบมีดตะขอดายหญ้าเปื้อนเลือดตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ตรวจสอบภายในบ้านยังพบศพนายวันดี นันสถิตย์ อายุ 63 ปี สามีของนางสุชาด นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้นห้องโถง สภาพสวมเสื้อและกางเกงสีดำ มีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมที่บริเวณท้ายทอยเช่นกัน ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต



จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายเกียรติกร พัฒบุปผา อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นหลานชายแท้ของผู้เสียชีวิตทั้งสองคน โดยหลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หนีไปในหมู่บ้าน ก่อนจะถูกชาวบ้านและตำรวจช่วยกันจับตัวไว้ได้ ก่อนจะนำตัวไปสอบสวน เบื้องต้นยังพูดจาไม่รู้เรื่อง และให้การวกวน
สอบถามนายสุขสันต์ มาตประสงค์ อายุ 45 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.2 เล่าว่า ช่วงเช้ามีชาวบ้านได้มาเรียกให้ไปช่วย บอกว่านางสุชาดา และ นายวันดี ถูกหลานชายทำร้าย ตนจึงรีบวิ่งไปดูกับเพื่อนบ้านอีก 2 คน ซึ่งพอไปถึงก็เห็นนางสุชาดา นอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่บนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้านแล้ว ส่วนนายวันดีก็นอนเสียชีวิตอยู่ในบ้าน จากนั้นตนจึงถามนายเกียรติกรว่าทำอะไรกับตาและยาย แต่ระหว่างนั้นมองเห็นนายเกียรติกรถือมีดปลายแหลมอีก 1 เล่ม ก่อนที่จะพุ่งเข้ามาหวังจะแทงตน แต่ตนหลบทัน ประกอบกับมีเพื่อนบ้านมาช่วย ทำให้นายเกียรติกรตกใจสู้ไม่ได้ จึงได้วิ่งไปขี่รถจักรยานหนีไปในหมู่บ้าน และถูกชาวบ้านจับตัวไว้ ตนจึงเข้าไปดูก็พบว่าตาและยายทั้งสองคนเสียชีวิตแล้ว จึงโทรเรียกเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ




ด้านนายพัชร สุริโย อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้านเชียงเครือ ม.2 กล่าวว่า ปกติบ้านหลังดังกล่าวอาศัยกันอยู่ 3 คน คือนางสุชาดา นายวันดี และนายเกียรติกร ส่วนนางกนกพร นันสถิต อายุ 36 ปี ลูกสาวนางสุชาดา และนายวันดี ซึ่งเป็นแม่ของนายเกียรติกร ได้ไปอาศัยอยู่กับสามีที่หมู่บ้านอื่น ทั้งนี้ที่ผ่านมานายเกียรติกร ไม่เคยมีการคลุ้มคลั่ง ไม่เคยทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว และไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับวิวาทกับใคร ทราบเพียงว่าตากับยายเคยพาไปพบแพทย์เกี่ยวกับเรื่องจิตเวช และก่อนเกิดเหตุก็กำลังจะพานายเกียรติกร ไปพบแพทย์ แต่ก็มาก่อเหตุก่อน ทั้งนี้สาเหตุนั้นคาดว่าน่าจะเกิดจากอาการน้อยใจ ส่วนจะมาจากการเสพยาเสพติดนั้นต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจปัสสาวะก่อน เพราะที่ผ่านมานายเกียรติกร ก็ไม่พบประวัติการดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด
ขณะที่พ.ต.อ.อิทธิเดช สุนทร ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบแล้ว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงจะต้องสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ซึ่งเบื้องต้นได้คุมตัวนายเกียรติกรไปสอบสวน แต่ยังคงพูดจาไม่รู้เรื่อง และให้การวกวน จึงยังไม่สมารถสอบปากคำได้ ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติไม่พบว่าถูกจับเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกิดจากอาการเสพจริงยาหรือไม่ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่นำตัวไปส่งตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด และเบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าบุพการี นำตัวส่งพนักงานสอบสวนต่อไป ส่วนศพผู้เสียชีวิตทั้งสองหลังชันสูตรเจ้าหน้าที่ได้มอบให้ญาติไปบำเพ็ญกุศล