ญาติหนุ่มร้านซ่อมรถ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ร้องรับผิดชอบรถ จนท.ป่าไม้ชนขาขาดแล้วหนีผ่านไป 1 สัปดาห์ ตร.ตามจับได้กลับอ้างไม่รู้ตัวว่าชนและไม่ได้เมาจึงขับไปทำภารกิจผลักดันช้าง เพิ่งมารู้ตอนถูกจับแต่พร้อมดูแลเยียวยาคู่กรณี ผู้บาดเจ็บโพสต์เศร้า “ตื่นมาก็ขาขาดซะงั้น” ยังทำใจไม่ได้เพราะเป็นเสาหลักต้องดูแลครอบครัวหลายชีวิต






วันที่ 28 ก.ย. 2566 ญาติของนายอำนาจ มูระคา หรือช่างเอก อายุ 38 ปี เจ้าของร้านซ่อมรถยนต์ รถไถการเกษตร และรถจักรยานยนต์ใน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรมและเรียกร้องให้คู่กรณีรับผิดชอบเยียวยา หลังจากเมื่อวันที่ 18 ก.ย.66 เวลาประมาณ 19.20 น. ได้มีรถยนต์กระบะที่ใช้ในราชการ สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขับชนรถจักรยานยนต์ของนายอำนาจ ขณะขี่ไปซื้อของเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนต้องถูกตัดขาท่อนล่างข้างขวาเนื่องจากถูกรถเหยียบทับ แต่หลังเกิดเหตุคนขับรถติดตราราชการคันดังกล่าว กลับขับหลบหนีไม่ลงมาดูหรือให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด
หลังรู้สึกตัวนายอำนาจ ผู้บาดเจ็บ ได้โพสต์เฟซบุ๊กข้อความว่า “ตื่นมาก็ขาขาดซะงั้น”ช่างเอก โช๊คซิ่ง” #โดนชนแล้วหนี วันที่ 18 ก.ย.66 เวลา 19.20 น. ชนตรงบ้านกิโล 6 มุ่งหน้าเข้าอำเภอละหานทราย #รถกระบะสีดำมีไซเรน #มีคอก ตอนนี้ยังไม่ออกมารับผิดชอบ ใครพอมีข้อมูลแจ้งทางญาติผู้บาดเจ็บได้นะคับ #0886601314#0821477868 หรือทักแชทมาบอกก็ได้”




ขณะที่ พ.ต.ท.ประพันธ์ ขำเอนก รอง ผกก.สืบสวน สภ.ละหานทราย พร้อมด้วยชุดสืบสวน ก็ได้ลงพื้นที่หาข้อมูลเบาะแส และไล่กล้องวงจรใกล้จุดเกิดเหตุและเส้นทางผ่าน จนทราบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช แต่ปฏิบัติภารกิจอยู่ประจำอยู่ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ สำนักงานตั้งอยู่อำเภอโนนดินแดง จึงได้ประสานไปยัง หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ก็บอกว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถของสำนักงานจริง คนขับรถคันดังกล่าว คือ นายประมวล ไต่ตาม อายุ 46 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ เมื่อตรวจสอบรถก็พบว่าลักษณะตรงกันกับที่ผู้บาดเจ็บระบุ คือ เป็นกระบะยกสูง ด้านข้างประตูติดตราราชการ ด้านบนมีไฟไซเลน กระบะหลังมีโครงเหล็ก และด้านซ้ายมีร่องรอยการเฉี่ยวชน เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้ตรวจสอบที่สถานีตำรวจภูธรละหานทราย พร้อมทั้งได้นำตัวคนขับมาสอบสวนด้วย
โดยนายประมวล ให้ข้อมูลกับพักงานสอบสวน ว่า ในวันเกิดเหตุตนขับรถคันดังกล่าวไปเยี่ยมลูกที่ตำบลตาจงกำลังจะกลับ ที่หน่วยเพื่อไปทำภารกิจผลักดันช้างป่า แต่ไม่รู้ตัวว่าขับรถชน จยย.จนมีคนบาดเจ็บ และยืนยันว่าไม่ได้ดื่มเหล้าแต่กินยาแก้แพ้เท่านั้น จนกระทั่งวัน 25 ก.ย.66 มีเจ้าหน้าที่มาตามหาตนบอกว่าขับรถชนคนบาดเจ็บ จึงไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ และเมื่อทราบว่าขับรถชนคนบาดเจ็บจนต้องถูกตัดขา ก็เสียใจและรับปากว่าจะรับผิดชอบเยียวยาเต็มที่
ด้านนายอำนวย มูระคา อายุ 36 ปี น้องชายผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายเปิดร้านซ่อมรถมาได้ประมาณ 5-6 ปีแล้ว มีรายได้จากการซ่อมรถเฉลี่ยวันละ 5 – 6 พันบาท แม้พี่ชายจะยังไม่มีลูกเมีย แต่เขาก็เป็นเสาหลักดูแลคนในครอบครัวหลายชีวิต โดยเฉพาะพ่อกับแม่ที่อายุมากแล้ว แต่กลับต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้จนถึงขั้นต้องตัดขาขวาทิ้ง ก็สงสารพี่ชายไม่รู้ว่าออกมาจาก รพ.จะทำงานได้เหมือนปกติหรือไม่ ที่สำคัญห่วงเรื่องสภาพจิตใจที่ต้องสูญเสียขา ก็อยากให้คนขับกระบะซึ่งเป็นถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐออกมาแสดงความรับผิดชอบ เยียวยาพี่ชายด้วยเพราะไม่รู้อีกนานแค่ไหนถึงจะทำงานได้ปกติ ส่วนที่คนขับอ้างว่าไม่รู้ตัวว่าชนส่วนตัวก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ก็ควรจะรับผิดชอบ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุจนถูกตำรวจจับ ก็ยังไม่เห็นมาพูดคุยหรือแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย
ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหาคนขับกระบะ 2 ข้อหา “ขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสทรัพย์เสียหาย และขับรถหลบหนีไม่หยุดรถช่วยเหลือคนเจ็บ” ส่วนรถของกลางก็ยังยึดไว้ที่โรงพัก ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการตามขั้นตอน