แก๊งมิจฉาชีพสุดแสบทำทีเป็นเสี่ยใหญ่มาตระเวนหาซื้อที่ดิน หลอกล่อป้าเจ้าของห้องเช่าพาไปดูที่ดินหากเจ้าของยอมขายจะให้ค่านายหน้า 1 แสน ออกอุบายเงินที่เตรียมมาซื้อที่ดินไม่พอขอยืมป้าก่อนแล้วจะคืนให้พร้อมน้ำใจเพิ่มอีก 1 แสน ป้าหลงเชื่อไปถอนเงินให้สูญ 7 แสน ขณะ ตร.เร่งแกะรอยวงจรปิดล่าตัว เตือนชาวบ้านระวังก่อนหน้านี้มีชาวบ้านในพื้นที่ละหานทรายถูกหลอกลักษณะเดียวกัน







วันที่ 5 ต.ค. 2566 นางละออง เชิญรัมย์ อายุ 65 ปี เจ้าของห้องเช่าแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.การุณ แสงอรุณ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ชำนิ หลังถูกแก๊งมิจฉาชีพเป็นชาย 4 คน รวมหัวกันสร้างเรื่องโกหกทำทีว่าเป็นเสี่ยใหญ่ฐานะร่ำรวย มาตระเวนหาซื้อที่ดินต่างอำเภอ โดยหลอกให้ป้าพาไปดูที่ดิน โดยเสนอว่าถ้าเจ้าของที่ยอมขายที่ให้จะให้ค่านายหน้า 1 แสนบาท แต่สุดท้ายกลับออกอุบายเงินที่เตรียมมาไม่พอ หลอกขอยืมเงินป้าก่อนแล้วจะคืนให้พร้อมน้ำใจเพิ่มอีก 1 แสน จึงหลงเชื่อไปถอนเงินสดให้ สุดท้ายสูญเงิน 7 แสนบาท ก่อนคนร้ายจะหลบหนีลอยนวล
โดยป้าละออง เล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วานนี้ (4 ต.ค.) มีคนโทรมาบอกว่าจะเข้ามาดูห้องเช่า จากนั้นสักพักก็มีผู้ชายรูปร่างท้วมแต่งตัวดีภูมิฐานใส่หมวกด้วย มาดูห้องเช่าแล้วทำทีสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการเช่าห้อง ก็พูดคุยตีสนิทสักพักชายคนดังกล่าวก็ถามตนเองว่า รู้จักคนที่บ้านสิงห์มั้ย อยู่แถวโรงเรียนบ้านสิงห์ ป้าก็ตอบไปว่าไม่รู้จักหรอก แต่รู้ว่าโรงเรียนอยู่ตรงไหน จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ขอให้ป้าพาไปดูที่ดินที่ตำบลบ้านสิงห์ โดยอ้างว่าเจ้านายเขาสนใจอยากจะซื้อที่ดินแถวนั้นเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ จากนั้นก็หลอกล่อให้ป้าพาไปดูที่ดิน โดยบอกว่าถ้าเจ้าของเขายอมขายที่ดินให้จะให้ค่านายหน้าป้า 1 แสนบาท ป้าก็คิดว่าแค่พาไปดูที่ดินแล้วได้เงิน 1 แสนใครจะไม่เอา จึงไปบอกลูกชายว่าเดี๋ยวจะพาเขาไปบ้านสิงห์ก่อน ตอนแรกลูกชายจะไปด้วยแต่ป้าบอกว่า ไม่ต้องไปหรอกไม่มีคนเฝ้าบ้าน จากนั้นเขาก็ขับรถกระบะสี่ประตูสีดำมารับป้าไป โดยในรถมีคนขับรถรออยู่เป็นชายรูปร่างผอมสูง และก็ชายรูปร่างท้วมที่มาทำทีขอเช่าห้อง
ตอนที่นั่งไปในรถเขาก็ชวนคุยทำทีตีสนิทถามว่ามีลูกชายกี่คน ชื่ออะไรบ้าง ป้าก็บอกไป บางครั้งก็จับมือจับแขนป้าด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะป้ายยาหรืออะไรหรือไม่ พอถึงบริเวณถนนสายนางรอง-บ้านสิงห์ ที่เขาอ้างว่าจะไปซื้อที่ก็ไปเจอผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ โดยคนในรถบอกว่าผู้ชายคนนั้นแหละเป็นเจ้าของที่ดิน พอลงจากรถเดินไปที่ผู้ชายที่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ ก็ทักป้าทันทีว่าใช่แม่ของหรั่ง กับจู๊ก มั้ย ป้าก็งงและถามไปว่ารู้จักได้ไง เขาก็บอกว่าเคยไปซื้อวัวควายป้านานแล้ว ซึ่งป้าเองก็จำไม่ได้
จากนั้นชายที่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดิน ก็บอกว่าที่ดินตรงนี้จะขาย 10 ไร่ ในราคา 2 ล้านบาท แต่อ้างว่าโฉนดติดจำนองอยู่กับนายทุนต้องเอาเงินไปไถ่คืนก่อนถึงจะได้โฉนดมา จากนั้นก็มีชายอีก 1 คน ซึ่งอ้างว่าเป็นเสี่ยใหญ่และเป็นเจ้านายของ 2 คนที่ขับรถพาป้ามา ขับรถมาจอดตรงที่ดินดังกล่าวแล้วทำทีพูดคุยเรื่องที่จะเอาเงินไปไถ่ถอนที่ดิน โดยชายที่เป็นอ้างเสี่ยบอกมีเงินสดมาแค่ 1 ล้าน ลูกน้องเสี่ยก็บอกว่ามี 3 แสน ยังขาดอีก 7 แสน เขาจึงมาขอยืมป้า ซึ่งตอนนั้นป้าบอกว่าไม่มีเงินหรอก เขาจึงเสนอว่าถ้าป้าให้ยืมเงินเขาจะให้สินน้ำใจเพิ่มอีก 1 แสน รวมค่านายหน้าอีก 1 แสนเป็น 2 แสน จากนั้นเขาก็พาป้าเบิกเงินที่ ธกส.ใกล้บ้าน 7 แสน จนท.ยังถามป้าอยู่เลยว่าเบิกเงินไปทำอะไรตั้งเยอะ แต่ตอนนั้นเหมือนป้ารู้สึกเบลอๆ ก็โกหก จนท.ไปว่าจะเอาเงินไปต่อเติมบ้านเช่า แต่พอเอาเงินให้ 7 แสนไปให้แก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวก็หลบหนีไป
ซึ่งป้าบอกว่าถ้าสามารถจับกุมคนร้าย และได้เงิน 7 แสนคืน ป้าจะให้รางวัลนำจับ 1 แสนบาทเลย เพราะไม่อยากให้คนร้ายไปหลอกลวงคนอื่นอีกซึ่งหลังรับแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบทั้งที่บ้านเช่า และที่ดินตามที่ป้าให้ข้อมูลว่าแก๊งมิจฉาชีพพาไป เพื่อหาข้อมูลหลักฐาน พร้อมจะได้ไล่กล้องวงจรปิดเพื่อติดตามตัวคนร้ายทั้ง 4 มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป