กรณีครอบครัวเหยื่อสงครามในอิสราเอล ซึ่งเป็นชาว จ.สุรินทร์ จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย
นายคมกริช ชมบัว ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 3
ตำบลโชคเหนือ อำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์ เดินทางมาทำงานที่รัฐอิสราเอลเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562 กับนายจ้าง Halaly ที่ Masua
นายสนธยา กองสุข อาการหนัก รักษาตัวที่ รพ. Soroka ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 18/1 หมู่ 6 ตำบลหนองเมธี อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เดินทางมาทำงานที่รัฐอิสราเอลเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 กับนายจ้าง Raab Amnon โมชาฟ Netzarim








นายจิรายุ สุกใส อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 22 ตำบลพรมเทพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ไปทำงานในฟาร์มไก่ได้ 4 เดือน ถูกกระสุนปืนที่ทะลุตู้คอนเทนเนอร์เข้าทางด้านหลัง ขณะนี้ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลในอิสราเอล จนอาการปลอดภัยแล้ว โดยนาย จิรายุ สุกใสได้ติดต่อกับครอบครัวให้ทราบว่าประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยและได้แจ้งให้นายจ้างทราบแล้ว ขณะที่เมื่อวันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2566 นายรองรัตน์ จงอุตส่าห์ นายอำเภอท่าตูม พร้อมปลัดอำเภอ สาธารณสุขอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้านฯ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อสม.และหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดสุรินทร์ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของปลอบขวัญให้ครอบครัวแรงงานที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 รายแล้ว และจากการ ตรวจสอบข้อมูลแรงงานชาวอำเภอท่าตูม ที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลเบื้องต้น มีจำนวน 98 ราย โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบ 3 ราย ตามรายชื่อข้างต้น จากจำนวนชาว จ.สุรินทร์ ที่เดินทางไปทำงานที่อิสราเอลทั้งหมดจำนวน 418 คน







ล่าสุดวันที่ 11 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 11 หมู่ 22 ตำบลพรมเทพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เป็นบ้านของนายจิรายุ สุกใส อายุ 24 ปี (แรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บ) โดยบรรยากาศภายในบ้านพบว่าไม่ตึงเครียดพบเพื่อนบ้านและญาติ ๆ ได้ล้อมวงกันกินข้าวกินปลาหน้าตาไม่เครียดมีรอยยิ้มกันทุกคน เหมือนกับใจจดใจจ่อรอคอยนายจิรายุ สุกใส กลับมา ทีมข่าวได้พบกับ นางจำรัตน์ สุกใส(คุณแม่นายจิรายุ) อายุ 46 ปี และ นายกำจร สุกใส (คุณพ่อ) อายุ 48 ปี
สัมภาษณ์ นางจำรัตน์ สุกใส (คุณแม่) เล่าด้วยน้ำตาว่า นายจิรายุนั้นได้จบการศึกษาชั้น ปวส. หลังเรียนจบก็ได้บวชพระทดแทนคุณพ่อและแม่ พอสึกออกมาก็เดินทางไปทำงานที่อิสราเอลโดยไปทำงานในฟาร์มไก่ได้แค่ 4เดือน ก็มาเกิดสงครามขึ้น หลังจากทราบข่าวว่าจะมีแรงงานไทยกลับประเทศไทย 1ในนั้นมีลูกตนอยู่ด้วย ตนและญาติ ๆ รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ นายจิรายุ สุกใส ลูกชายจะเดินทางกลับมาบ้าน ตนและญาติ ๆ พร้อมเพื่อนบ้านก็ได้ตะเตรียมทำพิธีรับขวัญผูกข้อมือให้ พร้อมกันนี้ตนต้องกราบขอขอบคุณหน่วยงานทุกหน่วยงานที่คอยให้กำลังใจพร้อมทั้งให้การช่วยเหลือตั้งแต่เกิดเรื่องจนกระทั่งให้ความช่วยเหลือส่งกลับบ้าน ก่อนหน้าจะเกิดสงครามนั้น ตนก็มีอาการนอนไม่หลับกระวนกระวายโดยไม่ทราบสาเหตุ จนมาทราบข่าวว่าที่ อิสราเอลเกิดสงคราม ตนจึงพยายามติดต่อลูดชาย แต่ติดต่อไม่ได้เลยหลายวัน ตนกังวลใจมากกลัวเกิดเหตุร้ายกับลูก จนลูกชายได้วีดีโอคอลมาหา ตนได้พูดคุย และสังเกตว่าห้องที่ลูกชายพักทำไมเหมือนโรงพยาบาล จนลูกชายยอมรับว่า ตนนั่นถูกปืนยิงเข้าที่หลัง ตนรู้สึกตกใจมาก แต่ก็ดีใจที่ลูกไม่เป็นอะไรมาก และเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้สามีตนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะสามีตนนั่นป่วยมีอาการทางระบบประสาทอยู่แล้ว เกรงจะกระทบกับจิตใจได้อีก แต่พอทางสามีทราบข่าวว่าลูกปลอดภัยและจะกลับบ้านแล้ว สามีก็มีอาการดีขึ้นทานข้าวได้พูดคุยมากขึ้น
นายกำจร สุกใส(คุณพ่อ) เล่าว่า ตนนั้นดีใจจนพูดไม่ออกได้แต่มีคำว่าขอบคุณหน่วยงานต่างๆที่เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งตนก็ตั้งตารอคอยลูกชายกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย
