อดีตผู้ช่วย ผญบ. จ.บุรีรัมย์ โร่แจ้งความเรียกร้องให้ตรวจสอบหลังมีชายฉกรรจ์ 5 คน อ้างเป็น ตร.บุกค้นบ้านแต่ไม่แสดงบัตรไม่มีหมาย บุกค้นบ้านทั้งที่เจ้าตัวและภรรยาไม่อยู่ มีเพียงพ่อชราวัย 85 นอนป่วยติดเตียง และลูกชาย ม.5 อยู่บ้านตกใจกลัวแถมยึดมือถือไม่ให้ติดต่อใคร ยันครอบครัวไม่มีสิ่งผิด กม. ชี้หากเป็น ตร.อยากให้อธิบายและขอโทษ แต่หากไม่ใช่ก็ให้ติดตามตัวดำเนินคดี




วันที่ 14 ต.ค. 2566 นายคำเสียง สัยยิ่ง อายุ 55 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านม่วงใต้ ต.พระครู อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และปัจจุบันเป็นอาสากู้ชีพ อบต.พระครู ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ และร้องเรียนผ่านสื่อ ให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ภายหลังมีชายฉกรรจ์ 5 คน ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ เพราะแต่งชุดธรรมดาและไม่ได้แสดงบัตรว่าเป็นเจ้าหน้าที่ แต่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าค้นบ้าน โดยที่นายคำเสียง ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน และภรรยาไม่อยู่ มีเพียงพ่อชราวัย 85 ปีที่นอนป่วยติดเตียง และลูกชายซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.5 อยู่ที่บ้านเท่านั้น ซึ่งตอนที่เข้าไปค้นได้ยึดโทรศัพท์มือถือของลูกชายเอาไว้ด้วย สร้างความตกใจลูกชายเป็นอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปดูยังบ้านของผู้ร้อง พบชายชรานอนป่วยติดเตียงอยู่หน้าบ้านไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ขณะที่นายภูริทัติ อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.5 ลูกชายของนายคำเสียง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. วันที่ 12 ต.ค.66 ที่ผ่านมา ขณะตนนอนอยู่ในห้องก็มีชายฉกรรจ์ 4 คน เดินเข้ามาในบ้าน ส่วนอีก 1 คน ยืนอยู่หน้าบ้าน โดยชายฉกรรจ์ทั้ง 5 คนแต่งตัวธรรมดาไม่ได้แสดงบัตรหรือหมายค้นอะไร แต่บุกเข้าไปรื้อค้นข้าวของในบ้านในห้องนอน ทั้งยังยึดมือถือของตนเอาไว้ โดยชายฉกรรจ์ทั้ง 5 ไม่ได้บอกว่ามาค้นอะไร แต่ถามหาพี่ชายคนที่สองซึ่งทำงานอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ ตอนนั้นตกใจและกลัว เพราะพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านมีเพียงปู่ที่นอนป่วยติดเตียงอยู่หน้าบ้าน แต่พอเขาค้นไม่เจออะไรเขาก็กลับ พอพ่อกลับมาก็เล่าให้ฟัง
ด้านนายคำเสียง บอกว่า วันเกิดเหตุตนไปทำบุญที่วัดในหมู่บ้าน ส่วนภรรยาไปทำงานเย็บผ้าแต่ก็อยู่ใกล้บ้านแค่ 100 เมตร หากชายฉกรรจ์ทั้ง 5 คนเป็นเจ้าหน้าที่จริงทำไมไม่ไปตามเจ้าของบ้านมาก่อน ทั้งยังมองว่าหากเป็นเจ้าหน้าที่ก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ถูกต้อง เพราะการจะเข้าตรวจค้นบ้านใครก็ต้องมีหมายค้น หรือแสดงบัตรอย่างชัดเจน ทั้งต้องให้เจ้าของบ้านรับทราบและนำค้นด้วย เพื่อป้องกันการถูกกลั่นแกล้ง แล้วถ้าถูกยัดยาบ้าจะทำยังงัย อีกทั้งควรแจ้งกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านร่วมเป็นพยานในการค้นด้วย แต่ตนยืนยันว่าคนในบ้านไม่เคยมีประวัติยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย และการเข้าตรวจค้นก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอะไรเลย
ดังนั้น หากตรวจสอบแล้วพบว่าชายฉกรรจ์ทั้ง 5 เป็นเจ้าหน้าที่จริง ก็อยากให้ออกมาชี้แจงว่าเหตุใดถึงมาค้นบ้านตนเองโดยไม่มีหมาย และต้องมาขอโทษพ่อที่นอนป่วยติดเตียงและลูกชายที่เป็นแค่เด็กขวัญเสียกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่หากชายฉกรรจ์ทั้ง 5 คนไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่แต่อ้างตัวเป็น จนท.บุกเข้าไปในบ้าน ก็อยากให้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าชายฉกรรจ์ทั้ง 5 คน เป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ ก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป