เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 18 ตุลาคม ที่บ้านเลขที่ 193 บ้านนาไฮ ม.9 ต.โนนทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี นายพลวัฒน์ กันภัย หรือโก้ อายุ 34 ปี แรงงานไทยที่ไปขายแรงงานในประเทศอิสราเอล ที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงบ้านได้ 2 วัน หลังจากที่ต้องเผชิญกับภาวะสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่เริ่มต่อสู้กันตั้งแต่เช้าของวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่นายภัทรพงษ์ กันภัย หรือแมน อายุ 25 ปี น้องชายยังไม่ขอกลับบ้าน ระบุว่ายังอยากทำงานหาเงินก่อน เพราะมีลูกน้อยที่ต้องส่งเงินมาดูแล
นายพลวัฒน์ฯ กล่าวว่า ตนได้ไปทำงานเป็นช่างสร้างโรงเพาะปลูกตามฟาร์มต่างๆ อยู่ในเขตภาคใต้ ห่างจากฉนวนกาซาประมาณ 2 – 3 กม. ไปทำงานได้ 4 ปี จากสัญญา 5 ปี 3 เดือน ได้เงินเดือนประมาณ 6 – 7 หมื่นบาท กู้ยืมเงินเดินทางไปทำงาน 1.5 แสนบาท เช้าวันที่ 7 ตุลาคม พวกตนและเพื่อนแรงงานประมาณ 30 คน พักอยู่ในหมู่บ้าน วันนั้นเป็นวันหยุด ตอนแรกได้ยินเสียงยิงจรวดข้ามหมู่บ้านที่ตนพักอยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่เคยเกิดขึ้น ไม่นานก็ได้ยินเสียงยิงปืนอยู่ตามฟาร์มที่อยู่นอกหมู่บ้าน เมื่อรู้แล้วว่ามีการโจมตีของกลุ่มฮามาส พวกตนก็ล็อคห้องและหลบอยู่ในนั้น
“ระหว่างที่หลบอยู่ ได้ยินเสียงกลุ่มฮามาสเคาะตามบ้านต่างๆ และมีเสียงปืนดังเป็นระยะ หลบอยู่ในห้องอยู่ประมาณ 2 วัน ก็มีทหารเข้ามาช่วยเหลือ ก่อนถูกพาไปพักอยู่ศูนย์อพยพห่างออกไปอีกประมาณ 60 กม. ตนจึงรีบลงชื่อขอกลับไทยทันที เพราะกลัวมาก กลัวจะได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต กลัวจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อและแม่ เหตุการณ์มันรุนแรงมาก ได้เห็นเพื่อนแรงงานถูกจับมัด แต่ก็ร่วมใจกันเข้าไปช่วยจนรอดมาได้ แม้ว่าจะยังไม่มีภรรยา แต่ก็อยากกลับมาหาพ่อและแม่ จนได้เดินทางกลับมาไทยเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ด้วยเครื่องบิน ทอ. เป็นล็อตที่ 2 และนั่งเครื่องบินกลับมาบ้านที่อุดรฯทันที”
นายพลวัฒน์ฯ กล่าวต่อไปอีกว่า แม่ต้องได้ยืมเงินมาให้ใช้จ่ายระหว่างเดินทาง เพราะนายจ้างก็ติดต่อไม่ได้ เขาพาครอบครัวหลบหนีไปตั้งแต่วันแรกแล้ว ต่อไปก็จะกลับมาทำงานที่บ้าน หาเงินใช้หนี้ช่วยแม่ ที่ยังเหลืออยู่ประมาณ 50,000 บาท และจะไม่กลับไปอิสราเอลอีกแล้ว อยู่บ้านเราปลอดภัยกว่า แม้จะได้ค่าแรงงานมากกว่าก็ตาม คงจะไปรับจ้างขับรถคีบอ้อยเหมือนเดิม เหมือนที่เคยทำก่อนที่จะไปที่นั่น ส่วนน้องชายตนยังไม่อยากกลับบ้าน เขาบอกยังอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย และจะไปทำงานอยู่กับนายไสว บุญพูน เพื่อนแรงงานชาวบุรีรัมย์ที่อยู่กลุ่มเดียวกันที่สวนอะโวคาโด ทางภาคเหนือตอนล่าง
และขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้วีดีโอคอลพูดคุยกับนายไสว บุญพูน อายุ 28 ปี ชาว อ.ระหาญทราย จ.บุรีรัมย์ เพื่อนแรงงานกลุ่มเดียวกัน ในขณะที่กำลังจะเคลื่อนย้ายไปทำงานที่อื่น ระบุว่าต้องการทำงานต่อ แม้จะต้องเสี่ยงชีวิต เพราะยังมีหนี้สินอยู่อีกมาก นายไสวฯ กล่าวต่อไปว่า ทำงานที่อิสราเอลไปประมาณ 1 ปีกว่า อยู่สวนดอกไม้ ทางตอนเหนือ ได้เงินเดือน 4 – 5 หมื่น สถานการณ์ตอนนี้ก็ยังมีการสู้รบอยู่บางพื้นที่ นายจ้างได้พาออกมาอยู่พื้นที่ปลอดภัยแล้ว พอเกิดเหตุรุนแรงขึ้น ก็ได้หลบหนีไปตามนายจ้าง ตอนนี้นายจ้างได้พาไปที่สวนอะโวคาโด อยู่ทางภาคเหนือตอนล่าง ตอนแรกว่าจะขอกลับไทยเหมือนคนอื่น แต่นายจ้างก็ได้ขอร้องมาว่า หากไม่ช่วยทำงานในฟาร์ม นายจ้างต้องขาดทุน อาจถึงขั้นต้องเจ๊งไปเลยก็ได้ ตนก็ถามว่าจะปลอดภัยหรือไม่ เขาก็รับปากว่าจะช่วยเหลือดูแลอย่างดี ตนจึงอยู่ต่อ และยังเป็นหนี้อยู่พอสมควร จึงอยากทำงานใช้หนี้ให้หมดก่อน