วันที่ 2 พ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 00.00 น. รถตู้สุริยาหีบศพจากสนามบินสุวรรณภูมิ บรรทุกร่างนายปริญญา แต้มกลาง อายุ 37 ปี แรงงานไทยที่เสียชีวิตในอิสราเอล เดินทางมาถึงบ้านเลขที่ 189 บ.หนองท่ม ม.8 ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ มีนางโสดา แต้มกลาง อายุ 73 ปี และนางอรอุมา แต้มกลาง อายุ 35 ปี แม่และน้องสาว พร้อมญาติและเพื่อนบ้านจำนวนมากมารอรับศพ ก่อนนำศพเข้าบ้านนางอรอุมา น้องสาว ได้จุดธูปบอกเจ้าที่เพื่อเชิญดวงวิญญาณน้องชาย พร้อมเคาะโลง 3 ครั้งบอกพี่ชายว่ามาถึงบ้านแล้ว ขณะที่นางโสดา ผู้เป็นแม่นอนร้องไห้ติดเตียง เนื่องจากเป็นโรคเก๊าท์เดินไม่ได้ ท่ามกลางความเศร้าสลดของญาติพี่น้อง








นางอรอุมา กล่าวทั้งน้ำตาว่า นายปริญญา พี่ชายเดินทางไปทำงานสวนเกษตรที่โมชาฟในอิสราเอลได้ 2 ปี ในสวนมะม่วง ได้เงินเดือน 40,000-50,000 บาท โดยไม่ได้กู้หนี้ยืมสินเพราะก่อนหน้านี้พี่ชายเคยไปขายแรงที่ประเทศคูเวต แอฟริกา มาเลเซีย วันเกิดเหตุ 7 ต.ค.66 ซึ่งเป็นวันหยุด ไปรับจ๊อบทำงานรีดนมวัวในฟาร์มพื้นที่สีแดง ห่างจากจุดสู้รบ 5 กิโลเมตร วันที่กลุ่มฮามาสบุกอิสราเอล ช่วง 10 โมงเช้า ครอบครัวไม่สามารถติดน้องชายได้ ผ่านมา 15 วันยังไม่รู้ชะตากรรม กระทั่งวันที่ 21 ต.ค. เพื่อนลูกชายวีดีโอคอลแจ้งข่าวว่าพี่ชายเสียชีวิตหลังถูกกลุ่มฮามาสบุกแคมป์ ตนและแม่ต่างนอนร้องไห้เสียใจ เพราะเป็นเสาหลักของครอบครัว น้องเป็นคนดีไม่คิดถึงตัวเองเพราะยังโสด ได้เงินเดือนเท่าไหร่ส่งมาให้แม่รวบรวมไว้เพื่อสร้างบ้านหลังใหม่ ถมที่แล้วอยู่ระหว่างขึ้นโครงหลังคา และเตรียมส่งเสียหลานคือลูกสาวของตนซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.3 ให้เรียนแพทย์ แต่ต้องฝันสลายหลังมาจบชีวิตลง
โดยช่วงเย็นวันนี้จะมีพิธีสวดอภิธรรมศพ ส่วนจะนำไปประกอบฌาปนกิจวันไหนนั้น ต้องรอปรึกษาเจ้าคณะอำเภอโพนสวรรค์ เสียก่อนเพราะก่อนที่น้องชายจะไปทำงานในอิสราเอล พระอุปัชฌาย์รูปนี้เป็นผู้บวชให้ที่อุโบสถวัดศรีสว่าง แต่มาจำพรรษาที่วัดใกล้บ้าน