บุรีรัมย์เผาแล้วศพหนุ่มเคราะห์ร้ายขี่ จยย.ชนกองข้าวหัวฟาดพื้นกระโหลดร้าวเลือดคั่งในสมองดับ พ่อผู้เสียชีวิตเรียกร้องให้ภาครัฐออกประกาศห้ามตากข้าวบนถนน และควรจัดหาลานปูนให้ชาวนาตากข้าวเปลือกป้องกันเกิดอุบัติเหตุซ้ำรอย ขณะ อบต.ลงพื้นที่ขอความร่วมมือไม่ให้ตากข้าวเปลือกบนถนน








ความคืบหน้ากรณีที่นายธงไทย ดีพันธ์ หรือโด่ง อายุ 38 ปี ชาวบ้านโคกกลาง ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ขี่รถจักรยานยนต์ พุ่งชนกองข้าวเปลือกที่ชาวนานำไปตากไว้ริมถนนทางหลวงชนบท สายบ้านยาง-โศกดู่ ต.บ้านยาง อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา เมื่อคืนวันที่ 24 พ.ย.66 ที่ผ่านมา ขณะกลับจากทำงานที่ อ.คูเมือง จะกลับบ้านภรรยาที่ ต.บ้านยาง อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา ศรีษะฟาดพื้นกระโหลกร้าว และมีอาการเลือดคั่งในสมอง ถูกนำตัวส่ง รพ. แต่เนื่องจากอาการสาหัสทำให้นายธงไทย เสียชีวิตที่ รพ.ช่วงกลางดึกวันที่ 24 พ.ย. ก่อนญาติจะนำร่างมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ที่บ้านโคกกลาง ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 26 พ.ย. 2566 ได้มีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพนายธงไทย ที่วัดโคกกลาง ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว โดยเฉพาะ น.ส.อุทัยทิพย์ แก้วแสน อายุ 35 ปี ภรรยาที่ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียสามีอันเป็นที่รัก โดยบรรยากาศพิธีฌาปนกิจศพก็มีญาติพี่น้อง ชาวบ้านและคนที่รู้จักคุ้นเคยมาร่วมไว้อาลัยจำนวนมาก
ด้านนายสนิท ดีพันธ์ อายุ 59 ปี พ่อของนายธงไทย กล่าวว่า ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียลูกชาย โดยเฉพาะจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับรถชนกองข้าวเปลือกที่ตากไว้ริมถนนทางหลวงชนบท และจุดเกิดเหตุก็มืดด้วยเนื่องจากชาวนาที่มีนาติดริมถนนขอให้ จนท.ช่วยปิดไฟถนนเพราะต้นข้าวที่โดนไฟส่องไม่ออกรวง ทำให้ถนนช่วงดังกล่าวมืด จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็อยากให้ภาครัฐออกประกาศห้ามตากข้าวเปลือกบนถนน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจนเกิดการสูญเสียเหมือนลูกชายตนเองอีก
สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดกับลูกชายที่ทำให้เสียชีวิต ก็ได้แจ้งความเอาผิดกับเจ้าของที่ตากข้าวเปลือกไว้ที่ สภ.ลำทะเมนชัย เบื้องต้นทางเจ้าของข้าวก็ได้มาแสดงความเสียใจ พร้อมมอบเงินช่วยงานศพ 10,000 บาทด้วย ส่วนการชดใช้เยียวยากรณีการเสียชีวิตก็จะพูดคุยกันอีกครั้งหลังเสร็จงานศพ
ขณะที่นายเจริญ สุขวิบูลย์ นายก อบต.โคกกลาง พร้อมเจ้าหน้าที่ ก็ได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยขอความร่วมมือกับชาวนาในพื้นที่ตำบลโคกกลาง ให้นำข้าวเปลือกที่เกี่ยวเสร็จไปตากตามลานปูนตามจุดต่างๆ ในหมู่บ้านของตัวเอง หลีกเลี่ยงการตากบนถนนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากรถที่สัญจรผ่านไปมาบนท้องถนน เพราะที่ผ่านมาในพื้นที่ก็เคยเกิดอุบัติเหตุในลักษณะนี้เหมือนกัน
นายก อบต.โคกกลาง ยอมรับว่าชาวนาบางรายก็ยังนิยมนำข้าวเปลือกไปตากตามริมถนนในหมู่บ้าน ตำบลอยู่ ซึ่งเขาบอกว่าการตากบนถนนจะแห้งเร็วกว่าตากตามสนามหญ้า หรือลานดิน และต้นทุนน้อยกว่าด้วย เพราะหากตากตามลานดินหรือสนามหญ้าจะใช้เวลา 3-4 วันถึงแห้ง ก็ต้องมีต้นทุนทั้งค่าขน ค่าจ้างตาก และจ้างนอนเฝ้าอีก แต่หากตากบนถนนจะใช้เวลาแค่ 2 วันต้นทุนก็จะน้อยกว่า ถึงแม้ทาง อบต. กำนัน ผญบ.จะออกประชาสัมพันธ์ไม่ให้ตากตามถนนอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่บางคนก็ยังตากเหมือนเดิม ทาง อบต.จึงจำเป็นต้องนำอุปกรณ์ทั้งกรวยยาง แผงกั้น หรืออุปกรณ์สะท้อนแสง มาติดตั้งเพื่อเป็นสัญลักษณ์แจ้งเตือนผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ก็เห็นใจทั้งสองฝ่าย ก็ต้องระมัดระวังกันทั้งสองฝ่ายเพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น