ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณอนุสาวรีย์ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู นายสุวิทย์ จันทร์หวร ผวจ.หนองบัวลำภู พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ประชาชนชาวจังหวัดหนองบัวลำภู ร่วมพิธีบวงสรวงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง โดยเริ่มตั้งแต่พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ศาลหลักเมือง ศาลปู่หลุบ อนุสาวรีย์พระวอ-พระตา และศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช






เมื่อเสร็จแล้วก็จะเป็นพิธีทำบุญตักบาตร พิธีบายศรีสู่ขวัญบ้านสู่ขวัญเมืองและรำบวงสรวงเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ้านแก่เมืองและประชาชนชาวจังหวัดหนองบัวลำภู วันที่ระลึกการสถาปนาจังหวัดหนองบัวลำภู จากสตรีชาวจังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู แยกการปกครองออกมาจากจังหวัดอุดรธานี โดยมีการก่อตั้งจังหวัด เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2536 ซึ่งจะครบ 30 ปี ในวันที่ 1 ธันวาคม 66 นี้
แต่โดยแท้จริงแล้วจังหวัดหนองบัวลำภู มีประวัติยาวนานมากกว่า 900 ปี ซึ่งเดิมจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นดินแดนที่ขึ้นต่อกรุงศรีสัตตนาคนหุต(เวียงจันทร์) มีชื่อว่า “เมืองหนองบัวลุ่มภู นครเขื่อนขันธ์ กาบแก้วบัวบาน” โดยคำว่าหนองบัว นั้นจะหมายถึงบึง หรือ หนองน้ำขนาดใหญ่ ที่มีต้นบัวขึ้นอยู่เต็มบึง ส่วนคำว่า ลุ่ม หมายถึงบริเวณหนองน้ำที่เป็นที่ลุ่ม และคำว่าภู ในภาษาอีสานหมายถึงภูเขาดังนั้น คำว่าหนองบัวลำภู จึงหมายความว่าบริเวณหนองน้ำและที่ลุ่มที่อยู่ใกล้ภูเขาซึ่งปัจจุบันคำว่าหนองบัวลำภูถูกเรียกเพื้ยนมาจากคำว่าหนองบัวลุ่มภู
ปัจจุบันเมืองหนองบัวลำภู แบ่งการปกครองเป็น 6 อำเภอมีโบราณสถานโบราณวัตถุและสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา สถานที่ท่องเที่ยวที่น่ายลหลายแห่ง ภายใต้คำขวัญที่ว่า”ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อุทยานแห่งชาติ ภูเก้าภูพานคำ แผ่นดินธรรมหลวงปู่ขาว เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ นครเขื่อนขันฑ์กาบแก้วบัวบาน” โดยมีนายประภา ยุวานนท์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู คนแรก บริหารจัดการภายใต้บริบททั้งกำกับดูแลส่วนกลางส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดถึงคนปัจจุบัน 29 คน และผู้ว่าราชการจังหวัดรวมคนปัจจุบัน 23 คนในรอบ 30 ปี และปัจจุบันนี้มีนายสุวิทย์ จันทร์หวร เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู
นายสุวิทย์ จันทร์หวร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู บอกว่าปัจจุบันจังหวัดหนองบัวลำภู กำลังขับเคลื่อนการพัฒนาไปสู่วิสัยทัศน์ “หนองบัวลำภู เมืองผ้า น่าอยู่ น่าเที่ยว” ซึ่งเรามีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้ที่ใดเลย ทั้ง 3 ธรรม ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น เรามีอุทยานแห่งชาติภูเก้าภูพานคำ อุทยานบัวบาน ภูพานน้อย ถ้ำเอราวัณ ถ้ำสุวรรณคูหา ถ้ำสีธน ถ้ำผาเจาะ หรือแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่น แหล่งโบราณคดีภูผายา พิพิธภัณฑ์กุดกวางสร้อย และแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะ อาทิ วัดถ้ำกลองเพล และพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ขาว อนาลโย ซึ่งท่านเป็นเนื้อนาบุญของภาคอีสานและจังหวัดหนองบัวลำภู ที่ทุกคนจะต้องไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อชีวิตจิตใจ
นอกจากนี้ ผู้คนชาวจังหวัดหนองบัวลำภู ยังเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต เป็นมิตรกับผู้มาเยือน จึงกล่าวได้ว่า“หนองบัวลำภู เป็นเมืองผ้า น่าอยู่ น่าเที่ยว”จากนี้ไปเราพร้อมที่ขับเคลื่อนและพัฒนาให้จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นเมืองเกษตรอินทรีย์วิถีคนลุ่มภู รวมพลังคนหนองบัวลำภู เมืองผ้า น่าอยู่ น่าเที่ยว ในวโรกาสครบรอบปีที่ 30 ภายใต้แนวคิดร่วมกันว่า”หนองบัวลำภู มาได้ทั้งปี มีดีทุกเดือน”
ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ จังหวัดหนองบัวลำภู เรามีภูมิปัญญาที่โดดเด่นด้านการทอผ้า โดยเฉพาะผ้าขิดไหมขิดฝ้าย ซึ่งมีการออกแบบลวดลายที่นำเอาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น และวิถีชีวิตของคนเมืองลุ่มภู มาถักทอไว้บนผืนผ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์และน่าค้นหามาก ลวดลายบนผืนผ้าจะบอกเล่าเรื่องราวของจังหวัดหนองบัวลำภู ที่บ่งบอกถึงรากเหง้าตัวตนของจังหวัดหนองบัวลำภู จึงถือเป็นแพรพรรณที่มีความเป็นเลิศด้านภูมิปัญญาจริงๆ
ตลอดระยะเวลาร่วม 30 ปีที่ผ่านมาสิ่งหนึ่งที่คนหนองบัวลำภู เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู ดังคำเยินยอที่กวีเอกอย่างท่าน เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวไว้ว่า “หนองบัวลำภู เชิดชูบัว ความดีความงามลงตัวหัวใจประสาน นครเขื่อนขันฑ์กาบแก้วบัวบาน คือตำนาน นามเมืองอันเรืองยศ มวลประชากล้าคิด กล้าต่อสู้ หนองบัวลำภู จึงปรากฏ บัวหัวใจบัวสายธารบัวบรรพรต จึงสวยสดงดงามบัวลำภู”