เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 8 ธ.ค. 2566 ที่ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น (KICE) นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดงาน การประชุมนานาชาติเมืองหัตถกรรมโลก โดยมี 3 จังหวัด เมืองหัตถกรรมโลกร่วมเป็นเจ้าภาพ ได้แก่ ขอนแก่นเมืองหัตถกรรมโลกแห่งผ้ามัดหมี่ สกลนครเมืองหัตถกรรมโลกแห่งผ้าย้อมคราม และเชียงใหม่เมืองหัตถศิลป์โลก จัดในระหว่างวันที่ 7-9 ธันวาคม 2566





โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านหัตถกรรมจากทั่วโลก และการออกบูธ จำหน่าย ผ้าไหม ผ้ามัดหมี่ ผ้าทอมือ ภายในงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว งานกาชาดจังหวัดขอนแก่น และงานขอนแก่นซอฟต์พาวเวอร์ ประจำปี 2566 เพื่อเป็นการโชว์ศักยภาพด้านการเป็นเมืองหัตถกรรมโลกแห่งผ้ามัดหมี่ของจังหวัดขอนแก่น โดยในกิจกรรมการประชุมและสัมมนาในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ที่ ศูนย์ประชุมนานาชาติไคซ์ จะมีการเสวนาตลอดทั้งวันและงานกาล่าเดินแบบแฟชั่นโชว์ Thailand World Craft City “Silk Elegance: Threads of ผ้าไหมมัดหมี่: เส้นด้ายแห่งกาลเวลา
ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความรู้ ทักษะการคิดวิเคราะห์สินค้าและธุรกิจหัตถกรรมผ้ามัดหมี่ ผ้าคราม และงานฝีมือ ให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อสามารถในการแข่งขันให้คนรุ่นใหม่สืบสานภูมิปัญญาเข้าสู่อาชีพยั่งยืนและสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านและเกษตรการ เพื่อสร้างประสบการณ์ตรง การนำเสนอสินค้าผ้ามัดหมี่ ผ้าคราม และงานฝีมือ ให้กับผู้ซื้อโดยตรง เพิ่มพูนทักษะความเข้าใจ การใช้เทคนิคในการเตรียมตัว และเพิ่มประสิทธิผลในการจำหน่ายได้มากขึ้น สร้างเครือข่ายผู้ประกอบการผ้ามัดหมี่ ผ้าคราม และงานฝีมือ เชื่อมโยงกับนักธุรกิจ สมาคม หอการค้าและสภาหัตถกรรมโลก ก่อให้เกิดการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ในทุกมิติอย่างยั่งยืน
การสัมมนาวิชาการ และจัดสาธิตแลกเปลี่ยนความรู้ทักษะด้านผ้ามัดหมี่ ผ้าคราม และงานฝีมือจากในประเทศและจากประเทศต่าง ๆ การจัดแสดงแฟชั่นโชว์เพื่อนำเสนอเทรนด์แฟชั่นและการประยุกต์ผ้าไหมมัดหมี่กับการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อการก้าวสู่ World Craft City และการจัด Workshop ในพื้นที่ชุมชนผ้ามัดหมี่ ผ้าคราม และงานฝีมือ และให้ผู้เข้าร่วมงานเดินทางมาท่องเที่ยวร่วมสัมผัสวิถีวัฒนธรรมผ้ามัดหมี่ ผ้าคราม และงานฝีมือเชิงประจักษ์เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติม ให้เป็น “นครแห่งผ้ามัดหมี่โลก” และเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ไมซ์ ให้ชุมชนนำไปสู่การถ่ายทอดองค์ความรู้และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมให้อยู่สืบไป