ล่าสุดวันที่ 16 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง บ้านระเวียง บ้านเลขที่ 141 หมู่ 12 ต.ระเวียง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ ได้พบนาง ธัญพร ปัดชา อายุ 42 ปี น้องสะใภ้นายเปี๊ยก บ้านเลขที่ 37 หมู่12 ต.ระเวียง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ (เสื้อน้ำเงิน) ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า นายเปี๊ยก (นายปัญญา คงแสนคำ อายุ 56ปี) ไม่ได้ กลับบ้านมานานแล้ว และรู้สึกเป็นห่วงนายเปี๊ยกมากญาติพี่น่องห่วงทุกคน และติดต่อไม่ได้เลย นอกจากนายเปี๊ยกจะโทรศัพท์ติดต่อมาหาพี่สาวเขาเอง ซึ่งตนเองนั้นไม่ทราบข่าวเลยว่านายเปี๊ยกไปอยู่ที่ไหน จนมาเห็นในข่าวรู้สึกตกใจมาก ปกตินายเปี๊ยกเป็นคนนิสัยดีทำมาหากินรับจ้างทั่วไป




พี่สาวนายเปี๊ยก นางชัยญาภา ปัดชา อายุ 63 ปี บ้านเลขที่ 141 หมู่ 12 ต.ระเวียง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ (เสื้อลายสีส้ม) เล่าว่า ตนนั้นรู้สึกเป็นห่วงน้องชายมากๆกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม นายเปี๊ยกไม่ได้กลับบ้านมาที่บ้านตนที่สุรินทร์ ปีกว่าแล้ว จะติดต่อกันได้ ก็เมื่อตนโทรไปหาพี่สะใภ้ที่ อรัญประเทศซึ่งจะรับจ้างทำงานล้างจานในร้านอาหาร และตนไม่เคยทราบเลยว่าพี่ชายตนนั้นได้มีภรรยาอยู่ที่นั่นจนเกิดเรื่องและเห็นในข่าว ว่าน้องชายตนกลายเป็นผู้ต้องหาเพราะรู้ดีว่าน้องชายตนขี้เหล้าจะมีคนมาเป็นภรรยาได้พอเห็นข่าวก็ตกใจ เมื่อวานนี้ตนได้โทรพูดคุยกับพี่สะใภ้ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะนำตัวมาส่งที่บ้าน ตนนั้นได้พูดคุยกับนายเปี๊ยก ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าไม่ได้ทำ แต่ทำไมถึงรับสารภาพว่าทำ นายเปี๊ยกบอกว่า ผมก็ต้องปกป้องตนเองตนเลยถามว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นแต่นายเปี๊ยกก็ไม่ตอบตน ตนคิดว่ายังงัยน้องเราก็ไม่ใช่คนฆ่าเป็นแพะรับบาป เพราะนิสัยน้องเราเป็นคน ดีที่มีวงจรปิดถ้าไม่มีหลักฐานสงสัยน้องเราจะติดคุกฟรีสงสารน้องมาก นายเปี๊ยกไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใครมีแต่คนเอ็นดู น้องชายตนเป็นคนตัวคนเดียวรับจ้างทำหมด ได้เล็กๆน้อยก็ทำรับจ้างเลี้ยงตัวเองไปวันๆ ตนนั้นอยากฝากเจ้หน้าที่ตำรวจขอความยุติธรรมเป็นธรรมให้กับน้องชาย เพราะน้องชายเรา บริสุทธิ์ไม่ได้เป็นคนทำ และอยากจะบอกเปี๊ยกผ่านสื่อว่า ให้พูดความจริงกับเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องกลัวเรื่องจะได้จบๆ ไม่ต้องเป็นแพะรับบาป ตนเป็นห่วงมากๆ จบสิ้นคดีนี้แล้วตนจะพูดคุยกับครอบครัวและนายเปี๊ยกว่าจะกลับมาอยู่กับตนที่ จ.สุรินทร์ไหม