วันที่ 24 มิถุนายน 2567 นางสาว จิตรานุช จันทวงศ์ อายุ 36 ปี ชาวจังหวัดมุกดาหาร อาชีพรับนวดเพื่อสุขภาพ ได้ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวหลังถูกเจ้าหน้าที่แรงงานจังหวัดนครพนม ปลอมตัวเป็นลูกค้าเข้ามาล่อซื้อ แล้วจับตัวดำเนินคดี





นางสาวจิตรานุช เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.00 น.ขณะที่ตนกำลังนั่งทานข้าอยู่หลังร้านนวด พร้อมกับแฟนหนุ่มและเพื่อนของแฟนอีกคน ซึ่งเป็นชาวเวียงจันทร์ สปป.ลาว ที่เพิ่งเดินทางมาเที่ยวและเยี่ยมเยียนตน ที่ร้าน ทันใดนั้นก็มีลูกค้าประมาณ 4-5 คนเข้ามาในร้านโดยแจ้งจุดประสงค์ว่าจะขอใช้บริการนวดเพื่อสุขภาพ ตนจึงเชิญให้ไปนั่งรอที่เตียงนวด โดยกลุ่มคนดังกล่าวแจ้งความประสงค์ว่าจะนวดสามคน ซึ่งปกติจะมีตนนวดอยู่คนเดียว ตอนนั้นแฟนของตนและเพื่อนอาสาว่าจะช่วยนวดให้เนื่องจากเห็นว่าสามารถช่วยเหลือตนให้มีรายได้เพราะนาน ๆ จะมีคนมาใช้บริการ จึงตกลงทำการนวดให้ลูกค้าพร้อมกันสามคน แต่พอนวดไปได้สัก 10 นาที ก็มีคนแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานแรงงานจังหวัดนครพนม และเข้าจับกุมตนและชาวลาวอีกสองคนที่มาช่วยนวด พร้อมแจ้งข้อหาชาวลาวสองคนว่า เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ น.ส.จุตรานุช กล่าวต่อทั้งน้ำตาว่า หลังถูกจับกุม แฟนของตนและเพื่อน ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ เปรียบเทียบปรับ โดยเสียค่าปรับคนละ 5 พันบาท และถูกส่งกลับ สปป.ลาว ในวันรุ่งขึ้น เรียบร้อยแล้ว ส่วนตน นั้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ตนเป็นนายจ้างกระทำวามผิดฐานรับคนต่างด้าวซึ่งไม่มีใบอนุญาตทำงาน มีอัตราโทษปรับตามจำนวนแรงงาน ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะต้องถูกปรับเป็นเงิน 2 หมื่นบาท โดยจะแจ้งกลับมาอีกทีว่าจะเสียค่าปรับโดยวิธีไหน ซึ่งหลังจากถูกจับตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เนื่องจากเงินคาปรับสองหมื่นบาทตนยังไม่รู้จะหามาจากไหน เพราะลำพังรายได้จากการนวด นอกจากจะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตนเองแล้วยังต้องส่งไปช่วยค่ายาให้แม่ ซึ่งป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง อีกเดือนละ 1,500 บาทตอนนี้ตนสับสนมากไม่รู้จะทำอย่างไร มีลูกค้าแนะนำให้ไปร้องเรียนกับสื่อมวลชนอาจจะช่วยได้ตนจึงมาร้องสื่อ ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่แรงงานที่จับกุมห้ามไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกใคร แต่ตนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครจึงเข้าร้องทุกข์กับนักข่าวโดยมีความหวังว่าอาจจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้บ้าง ซึ่งความจริงแล้ว ที่ร้านตนมีเพียงตนคนเดียวเท่านั้นที่เป็นหมอนวด ไม่เคยจ้างลูกจ้างมาช่วยนวดเลย โดยเปิดรับนวดมาหลายปีแล้ว ซึ่งเจ้าของบ้านใจดีให้อยู่ฟรีโดยไม่เก็บค่าเช่าใด ๆ วันเกิดเหตุแฟนของตนซึ่งตาบอดและเป็นนักกีฬาทีมชาติลาวได้เดินทางมาเยี่ยมตนโดยมีเพื่อนซึ่งก็เป็นคนตาบอดด้วยเช่นกันมาเป็นเพื่อน พวกเขาไม่ได้มีเจตนาจะมาทำงานที่นี่แต่อย่างใด ตอนนั้นเห็นว่ามีลูกค้ามาพร้อมกัน 4 ถึง 5 คน ก็อยากช่วยตนทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ พอได้ค่าอยู่ค่ากิน ไม่คิดว่าจะถูกเจ้าหน้าที่จัดหางานลาล่อซื้อบริการจนเสียเงินเสียทองเพิ่มมากกว่าที่จะได้เสียอีก
น.ส.วรานิษฐ์ กีรติพงศ์เวคิน จัดหางานจังหวัดนครพนม เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนมาว่าร้านนวดดังกล่าว มีคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงประสานหน่ายงานที่เกี่ยวข้องคือ กอ.รมน. และตชด. เข้าตรวจสอบ และแฝงตัวเป็นลูกค้าแสดงความจำนงขอใช้บริการนวดที่ร้านดังกล่าว โดยพบว่านอกจาก น.ส.จิตรานุช แล้วยังมีคนลาวอีก สองคนทำงานด้วยเจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมดำเนินคดี โดยได้จับกุมทั้งหมดส่ง สภ.เมืองนครพนม เพื่อดำเนินคดี โดยในส่วนของคนลาวยอมจ่ายค่าปรับ คนละห้าพันบาท หลังจากนั้นก็ถูกผลักดันกลับประเทศไปแล้ว ส่วนนางสาวจิตรานุช นั้น มีการเปรียบเทียบปรับสองหมื่นบาท โดยขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม ดำเนินการอยู่ซึ่งหากทาง สภ.เมืองนครพนมแจ้งเรื่องมาแล้ว เจ้าตัวจะต้องมาเสียค่าปรับภายในหนึ่งเดือน ซึ่งขณะนี้ทางจัดหางานก็ได้รับเรื่องจากสภ.เมืองนครพนมแล้วหากทางผู้ต้องหาจะเสียค่าปรับก็สามารถมาเสียได้เลย
ส่วน น.ส.สุมาลี คำโสมศรี นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สำนักงานแรงงานจังหวัดนครพนมที่ลงพื้นที่วันเกิดเหตุเปิดเผยว่า ในวันดังกล่าว ตนและทีมงานซึ่งประกอบด้วยกอ.รมน จังหวัดและตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ได้บูรณาการกันออกตรวจร้านนวดดังกล่าวโดยแฝงตัวเป็นลูกค้าเพื่อให้ได้หลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิด ซึ่งก็สามารถจับกุมตัวเจ้าของร้านและคนลาวอีกสองคน ซึ่งทั้งหมดเป็นคนตาบอด มาเปิดร้านนวดเพื่อสุขภาพ โดยคนลาวสองคนไม่มีใบอนุญาตทำงาน เนื่องจากอาชีพนวดเป็นอาชีพที่ทางการสงวนไว้ให้เฉพาะคนไทยเท่านั้น จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ให้ผู้ต้องหาทั้งหมดแล้วในวันเกิดเหตุ โดยคนลาวสองคนรับสารภาพและยอมเสียค่าปรับคนละห้าพันบาท หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ผลักดันออกนอกประเทศไปแล้ว ส่วนราย น.ส.จิตรานุช นั้นก็รับสารภาพและยอมเสียค่าปรับเรื่องก็จบ สามารถเปิดให้บริการลูกค้าได้ตามปกติ