วันที่ 26 มิถุนายน 2567 ที่ห้องประชุมพระธาตุนคร ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชนจังหวัดนครพนม ได้ต้อนรับและหารือข้อราชการร่วมกับนายเตริน หงอก ตาม(Tran Ngoc Tam)ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเบ๊นแจ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พร้อมด้วย นายจู ดึ๊ก หยุง กงสุลใหญ่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประจำจังหวัดขอนแก่น และคณะ ในโอกาสที่เดินทางมาเชื่อมความสัมพันธ์และศึกษาดูงานที่จังหวัดนครพนม ระหว่างวันที่ 25 – 29 มิถุนายน 2567
























นายเตริน หงอก ตาม(Tran Ngoc Tam)ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเบ๊นแจ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม กล่าวว่า จังหวัดเบ๊นแจ เป็น 1 ใน 13 จังหวัด บริเวณราบลุ่มแม่น้ำโขง อยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ 86 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 2,394 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 1.29 ล้านคน มีลักษณะภูมิประเทศคล้ายกับจังหวัดนครพนม มีแม่น้ำโขงไหลผ่านเช่นเดียว ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมเหมือนกัน พืชผลทางการเกษตรก็คล้ายคลึงกัน จังหวัดเบ๊นแจกำลังพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และเกษตรกรรม มีพื้นที่ปลูกมะพร้าวมากที่สุดในเวียดนาม จึงได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงมะพร้าว นอกจากนี้มีพื้นที่ปลูกไม้ผลอื่น ๆ ด้วย จึงมีความต้องการความร่วมมือในด้านต่าง ๆ กับจังหวัดนครพนม ทั้งในด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เกษตร ปศุสัตว์ และด้านอื่น ๆ พร้อมทั้งขอเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมและคณะ ไปเยือนจังหวัดเบ๊นแจอย่างเป็นทางการด้วย
ทางด้านนายจู ดึ๊ก หยุง กงสุลใหญ่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประจำจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ประเทศไทยกับเวียดนามมีมูลค่าการค้า 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปยังเวียดนาม 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากเวียดนาม 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านการลงไทย นักธุรกิจไทยไปลงทุนที่เวียดนาม 733 โครงการ มูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในเร็ว ๆ นี้จะมีการเปิดบินตรง อุดรธานี-โฮจิมินห์ด้วย
นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า ที่ผ่านมาจังหวัดนครพนม ได้ไปศึกษาดูงานในพื้นที่ภาคกลางของประเทศเวียดนาม 3 จังหวัด ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก สำหรับจังหวัดนครพนม มีชาวไทยเชื้อสายเวียดนามอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มีหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม บ้านนาจอก ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม มีหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ที่ชาวเวียดนามสร้างเป็นอนุสรณ์ให้แก่ชาวนครพนม จึงรู้สึกดีใจที่ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเบ๊นแจ และคณะ ได้เดินทางมาเยือนจังหวัดนครพนม ซึ่งจังหวัดนครพนมได้ชื่อว่ามี 3 ที่สุด คือ ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด” พระธาตุพนม และพระธาตุประจำวันเกิด “สวยที่สุด” สะพานมิตรภาพ 3 และ “งามที่สุด” ทิวทัศน์ริมฝั่งโขง มีการก่อสร้างองค์พญาศรีสัตตนาคราช มาตั้งแต่ปี 2559 และจัดงานพิธีบวงสรวงในวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี ปัจจุบันรัฐบาลไทยได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไปสู่จังหวัดนครพนม ทั้งรถไฟรางคู่ ถนน สนามบินเพื่อยกระดับเป็นสนามบินนานาชาติ มีพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะทำให้การคมนาคม ระบบโลจิสติกส์มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น พร้อมที่จะขนส่งสินค้าไปยัง สปป.ลาว เวียดนาม และจีน
นอกจากนี้จังหวัดนครพนมเป็น 1 ใน 10 จังหวัดที่ได้รับการพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก ทำให้มีอัตราการขยายตัวทางการท่องเที่ยวสูงที่สุดในภาคอีสาน 2 ปีติดต่อกัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการเปิดเที่ยวบินตรง นครพนม – เวียงจันทร์ นครพนม-โฮจิมินห์ และนครพนม-ฮานอย ด้วย ในส่วนของจังหวัดนครพนมพร้อมที่จะเดินทางไปเยือนจังหวัดเบ็นแจ ตามคำเชิญของประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเบ๊นแจในโอกาสต่อไป