วันที่ 1 ก.ค. 2567 เวลา 11.00 น ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย พ.ต.อ.อุกกฤษฎ์ ทรงชัยสงวน รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.พลาเดช เพ็ชรหว้าโง๊ะ รอง ผบก.ฯพ.ต.อ.ธวัชชัย สัตยพัฒน์ รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.วีระเดช เลขะวรกุล รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.นพ นรชาญ รอง ผบก.ฯ ร่วมกันจัดเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับข้าราชการตำรวจฝ่ายอำนวยการ และชุดสืบสวน ภ.จว.มหาสารคาม รวมกว่า 100 คน เพื่อลดรายจ่ายให้กับข้าราชการตำรวจ และเป็นสวัสดิการให้กับเจ้าหน้าที่





พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม เดิมตั้งอยู่ที่ในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม กำลังพลสามารถหาอาหารการกินได้ง่าย แต่ปัจจุบันย้ายมาที่ทำการแห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนสายมหาสารคาม-บรบือ ห่างจากตัวเมืองมหาสารคาม ประมาณ 8 กิโลเมตร ประกอบกับบริเวณนี้ไม่ค่อยมีร้านอาหาร มีก็อยู่ไกล ทำให้ช่วงเวลากลางวัน กำลังพล ค่อนข้างที่จะลำบากในการที่จะออกไปรับประทานอาหารด้านนอก ไปกลับก็คิดเป็นระยะทางเกือบ 20 กิโลเมตร ทำให้กลับมาทำงานไม่ตรงเวลา เสียเวลาในการทำงาน ประกอบกับเป็นการลดค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่หรือกำลังพลไปด้วยปัจจุบัน ข้าวของก็แพงขึ้นจึงอยากมีแนวคิดว่าอยากจัดให้มีโครงการอาหารกลางวัน เพื่อเป็นสวัสดิการให้กับกำลังพลที่ทำงานอยู่ที่นี่ จึงได้จัดเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับกำลังพลในวันจันทร์ วันอังคาร และวันพฤหัสฯ ส่วนวันพุธ กับวันศุกร์ ทางกำลังพลก็จะจัดอาหารมารับประทานกันเอง เป็นพวก ส้มตำ แจ่วต่าง ๆ ที่เป็นอาหารอีสาน ซึ่งหากต้องขับรถจากที่ทำงานไปรับประทานอาหารไกล ๆ นอกจากจะต้องเสียค่าข้าวแล้ว ก็ต้องเสียค่าน้ำมันเพิ่ม ซึ่งตำรวจฝ่ายอำนวยการที่นี่ก็เป็นตำรวจชั้นผู้น้อย รายได้อาจจะไม่มาก เราเลี้ยงอาหาร 1 มื้อ ก็สามารถช่วยประหยัดไปได้ มื้อนึงก็สามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้ ถึง50 -60บาท โดยอาหารที่นำมาก็จะมาจากร้านอาหารที่มีคุณภาพ เช่น มีแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ต้มจืดมะระ ผัดกระเพราหมูสับ และไข่เจียว สับเปลี่ยนกันไป รวมถึงมีผลไม้ด้วย ก็จะจ้างผู้ประกอบการทำอาหารมาให้ เพื่อให้กำลังพลได้กินให้อิ่ม จะได้มีกำลังในการทำงาน ส่วนข้าวสารก็ได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าสถานีใน สภ.ต่าง ๆ 25 สภ. หรือบาง สภ. ก็สนับสนุนมาเป็นเงินบ้างก็มี
ซึ่งผลตอบรับก็ถือว่าดี เพราะกำลังพลไม่ต้องขับรถออกไปรับประทานข้างนอก ทำให้ประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่าย ที่สำคัญก็คือ อาหารถูกปาก ซึ่งตนก็จะคอยถามลูกน้องตลอดว่า อาหารเป็นยังไง อร่อยไหม เพราะหากไม่อร่อย หรือคุณภาพไม่โอเค เราก็จะได้ไปแจ้งกับทางผู้ประกอบการให้ทราบ และปรับปรุง ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดี เพราะช่วยให้ลูกน้องประหยัดเงิน ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก