เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 พ.ต.ท.นพ วงศ์พุฒิ สว.สอบสวน สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุหลานชายหลอนยา ใช้มีดบังตอฟันคอ ใบหน้า และศีรษะคุณตา เสียชีวิตอยู่ในบ้านเลขที่ 38 ม.10 บ.เกิ้งน้อย ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ส่วนหลานชายหลังก่อเหตุได้เดินเข้าไปหลบซ่อนในบ้านตัวที่อยู่ด้านหลังบ้านที่เกิดเหตุ หลังจากได้รับแจ้งแล้ว พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิชาญ สุธรรมแปง ผกก.สภ.กุมภวาปี พ.ต.ท.อาทิตย์ จันทา รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.ธนาวินทร์ แก้วเสียง นอ ผกก.ป.ฯ นำกำลังชุดสืบสวน ชุดป้องกันและปราบปราม ,แพทย์เวร รพ.กุมภวาปี และอาสากู้ภัยมูลนิธิประชาพัฒนาธรรมกุมภวาปี ออกไปที่เกิดเหตุ





ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ที่บริเวณพื้นห้องโถงของบ้านหน้าทีวีพบร่างของนายใส สุกวิสัย อายุ 84 ปี เจ้าของบ้าน นอนเสียชีวิตจมอยู่ในกองเลือด สถาพศพสวมกางเกงวอร์มขายาวสีดำตัวเดียว ไม่สวมเสื้อ ตรวจสอบที่บริเวณคอ ศีรษะ และใบหน้า ถูกฟันด้วยของมีคมเป็นแผลฉกรรจ์มากกว่า 10 แห่ง จนเสียชีวิตคาที่ ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อภายหลังคือ นายชนะศักดิ์ โคทนา หรือต้อม อายุ 37 ปี หลานชายผู้ตาย หลังก่อเหตุฆ่าตาแล้ว ได้เดินถือมีดปังตอเดินกลับเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ที่อยู่ด้านหลังบ้านที่เกิดเหตุ ห่างกันประมาณ 10 เมตร โดยมีญาติพี่น้องนั่งร้องไห้ สาปแช่งหลานทรพีต่างๆนาๆโดยมีชาวบ้านและญาติพี่น้องได้ล้อมบ้านไม่ให้หลบหนี
ต่อมาจนท.ตำรวจจึงใช้ไม้ง่ามเข้าไปจับกุมตัว ซึ่งนายต้อมก็ให้จับกุมแต่โดยดี พร้อมของกลางมีดปังตอวางอยู่บนที่นอน ตรวจค้นในบ้านพบปืนแก๊ปสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก วางอยู่ในตู้เสื้อผ้า แล้วนำตัวไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางไปสอบสวนที่ สภ.กุมภวาปี จากนั้น จนท.ได้นำตัวไปตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง และนายต้อมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุใช้มีดบังตอที่อยู่ในครัวหน้าบ้านของตา ฟันที่ศีรษะตาจนล้มลงกับพื้น ก่อนนั่งลงกระหน่ำฟันคอและใบหน้าตาแบบไม่ยั้ง
จากการสอบสวนนายชนะศักดิ์ หรือต้อม ให้การรับสารภาพว่า เมื่อ 2 ปีก่อน ตนไปทำงานเป็น รปภ. อยู่ที่กรุงเทพฯ ได้ค่าจ้างวันละ 650 บาท แล้วก็ได้ลาออกเพราะที่ทำงานอยู่ไกลจากที่พักมาก จากนั้นก็กลับมาอยู่บ้าน ส่วนพ่อแม่ของตนก็ยังทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เมื่อกลับมาอยู่บ้านก็ได้ไปทำงานเป็น รปภ.ที่โรงงานน้ำตาล แล้วก็ลาออกมาได้ 2-3เดือนแล้ว ก่อนเกิดเหตุ เมื่อเช้านี้ตนได้ไปเอากับข้าวมากินเหมือนทุกวัน หลังจากกินเสร็จกลับไปเอายาเส้นกับตา ซึ่งตาก็ได้ด่าตน พร้อมได้ไล่ตนออกมาจากบ้าน ว่าไม่หาการหางานทำ เดินทั้งคืนจนไม่ได้หลับนอน ทำให้ตนโมโหสุดขีด จึงได้ไปเอามีดปังตอที่อยู่ในครัวหน้าบ้านของตา เข้ามาฟันแบบไม่ยั้ง จนตายแล้วก็เดินกลับบ้าน
“ไม่เคยมีโกรธเคืองกับตามาก่อน ที่ตนทำไปมันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ จึงลงมือก่อเหตุฆ่าตา เพราะเพียงถูกด่า ไม่ทำการทำงานมาหาขอกิน จึงโมโหและก่อเหตุ โดยก่อนก่อเหตุตนก็ได้เสพยาไป 1 เม็ดครึ้ง ที่เพื่อนซื้อมาให้ ก็อยากบอกดวงวิญญาณของตาว่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าตา และขอโทษที่ทำลงไป เพราะเป็นอารมณ์โมโหชั่ววูบเท่านั้น”
ขณะที่นางแตงอ่อน สุกวิสัย อายุ 77 ปี ภรรยาผู้ตายและยายผู้ก่อเหตุ ให้การว่า นายต้อมซึ่งเป็นหลานนั้นเป็นลูกของลูกสาวคนที่ 3 และมีบ้านอยู่ใกล้กัน ก่อนเกิดเหตุกลางดึกเมื่อคืนนี้ หลานชายได้เดินไปเดินมา และเดินมาขอยาเส้นไปสูบ ทำให้หมาเห่าผู้ตายไม่ได้นอน ผู้ตายเลยต่อว่าเดินทำไปทั้งวันทั้งคืน หลานก็บอกว่าเดินเฉยๆ กระทั่งเวลา 04.30 น. ตนได้ตื่นขึ้นมานึ่งข้าวและทำอาหารเช้าอยู่ในครัว ส่วนคนตายนอนอยู่ห้องโถงชั้นล่าง นายต้อมได้เดินมาหาผู้ตาย เพื่อมาขอยาเส้นในตะกร้าหมากของตนอีก และได้ยินเสียงผู้ตายร้องด้วยความเจ็บปวด และเสียงมีฟันฉับๆหลายครั้ง และเห็นนายต้อมเดินถือมีดปังตอเปื้อนเลือดกลับไปบ้าน ที่อยู่ด้านหลังบ้านของตน
นางแตงอ่อนฯ ให้การต่อไปว่า จึงได้ถามหลานว่าทำอะไรตา แต่หลานไม่ตอบ เดินกลับบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอตนเดินเข้าไปในบ้านก็พบว่าตาถูกฟันนอนจมกองเลือดแล้ว ตนคิดว่าที่สาเหตุเป็นแบบนี้ เพราะหลานติดเสพยาบ้ามานานเกือบ 10 ปีแล้ว และเคยถูกจับมาเมื่อ 3-4 ปี ที่ผ่านมา อยากบอกดวงวิญญาณสามีว่า หมดกรรมหมดเวรแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นกรรมเวรกับหลานตั้งแต่ภพชาติไหน พอมาชาตินี้เลยมาพบเจอกันแบบนี้ ขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี หลานชายเคยทำร้ายตามาหลายครั้ง ซึ่งก็ห้ามไว้ตลอด มาครั้งนี้ห้ามไม่ทันเลยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น”
ส่วนนางทองหลาง ภูครองจิตร อายุ 56 ปี หลานสาวผู้ตาย และมีศักดิ์เป็นป้าของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เช้านี้ตนได้ยินเสียงยายร้อง และเห็นนายต้อมเดินกลับออกจากบ้านยายกลับไปบ้านที่อยู่ติดกัน จึงได้ร้องถามไป แต่นายต้อมไม่ยอมตอบแล้วได้เดินเข้าบ้านแบบใจเย็น ตนจึงตะโกนถามยายจึงได้รู้ว่านายต้อมฆ่าตาตายแล้ว ตนจึงเรียกชาวบ้านที่อยู่ใกล้มาช่วย และแจ้งตำรวจ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นนายต้อมอาละวาด สาเหตุที่หลานก่อเหตุฆ่าตาแท้ๆ ก็อาจเป็นเพราะแอบไปเสพยาบ้า แล้วทำให้มีอาการหลอน จึงก่อเหตุในครั้งนี้
“ก่อนเกิดเหตุ 2-3 วัน ได้มีนกแสกบินมาร้องที่บ้านตากับยาย แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนในครอบครัว หรือลางไม่ดี แต่ตามความเชื่อ ถ้ามีนกแสกร้องแบบนี้ก็อาจจะมีคนตาย เพราะในหมู่บ้านก็มีคนเจ็บป่วยมาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นตา เพราะแกยังเข็งแรงดี ไปทำนาทุกวัน”
จากนั้น จนท.ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหานายต้อมว่า “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.กุมภวาปี ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนศพคุณตาอาสากูภัยฯนำไปเย็บแผล แต่งสภาพศพ ก่อนจะมอบให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตาประเพณีต่อไป