
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลได้ทยอยจ่ายเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ จำนวน 10,000 บาทต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 วันนี้ พบว่า ร้านค้าต่างๆในเขต จ.ขอนแก่น คึกคักอย่างมาก โดยเฉพาะที่ร้าน อำนวยค้าข้าว เขตเทศบาลนครขอนแก่น มีลูกค้ามาซื้อข้าวสารทั้งข้าวสารเหนียวและข้าวหอมมะลิและข้าวจ้าวแบบยกกระสอบเป็นจำนวนมาก
นางอำนวย มาซา อายุ 63 ปี เจ้าของร้านอำนวยค้าข้าว กล่าวว่า มีลูกค้าหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเท่าที่สังเกตุพบว่า จะขายดีในช่วงเช้า โดยวันนี้ถือว่าขายดีมากขึ้นอีกจากเมื่อวาน เนื่องจากคนได้รับเงินหมื่นแล้วมาซื้อข้าวสารกันอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าบางคนจากเดิม ซื้อครั้งละ 1-2 กก. ก็เปลี่ยนมาซื้อแบบยกกระสอบ







“นอกจากข้าวแล้วยังพบว่ามีการซื้อถ่านแบบกระสอบด้วย จากการสอบถามลูกค้าหน้าใหม่ที่มาซื้อเยอะพบว่าพึ่งได้เงิน 10,000 บาทและตัดสินใจมาซื้อข้าวสารก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งนี้โดยส่วนตัวมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวนี้กระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี และถ้าได้จนครบทุกคนที่มีสิทธิ์ ก็น่าจะทำให้คนมาจับจ่ายเยอะมากกว่าเดิมขึ้นอีก ซึ่งทางร้านก็ต้องจัดเตรียมสินค้าไว้ให้บริการและเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า”
ขณะที่บรรยากาศตามร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ที่รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พบว่าบรรยากาศยังคงเงียบเหงา โดยเฉพาะที่ร้านฟ้ามหานิล ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้าน บ้านหนองไฮ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ยังคงเงียบเหงา
นายวิฑูรณ์ ชัยลิ้นฟ้า อายุ33ปี เจ้าของร้านฟ้ามหานิล กล่าวว่า ช่วงแรกๆนี้คาดว่าจะยังเงียบอยู่ เพราะเงินที่เข้าเป็นเงินสด สามารถใช้จ่ายตามความต้องการ ได้มากกว่ากลุ่มที่เป็นของสวัสดิการแห่งรัฐที่โดนผูกเข้ามาในบัตรแล้วต้องมาใช้ในร้านค้าเท่านั้น และก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคนว่าจะไปใช้จ่ายอะไร ทำให้ลูกค้ากระจายออกไปซึ่งเงินที่ได้นั้นสามารถนำไปใช้จ่ายทั้งจ่ายหนี้สิน หรือเพื่อสิ่งอื่นที่คิดว่าจำเป็นในชีวิตของแต่ละคน ส่วนในอนาคตหากรัฐบาลมีนโยบายจ่ายในเฟสต่อๆไปมากขึ้น ทางร้านอาจมีการสต๊อกของเพื่อรองรับกับคนที่มากขึ้น
“ปัจจุบันไม่ได้สั่งของมาสต๊อกแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ที่นโยบายยังไม่ชัดเจนว่าจ่ายเป็นเงินสด ตนเองเชื่อว่าทุกร้านที่เข้าร่วมโครงการ และคิดจะร่วม ต่างคาดหวังถึงยอดซื้อขายที่จะเพิ่มขึ้น แต่พอจ่ายเป็นเงินสด ก็ดีใจกับประชากรกลุ่มรากหญ้าที่ได้รับ และไม่ได้เสียใจ เพราะคิดว่าเงินจะมีการซื้อขาย หมุนเวียนอยู่ในชุมชน เพราะแต่ละคนต่างมีภาระเป็นของตนเอง เมื่อได้เงินมานำไปจ่ายใช้หนี้สิน เงินก็หมุนอยู่ในระบบ แต่มันจะมาถึงเราในรูปแบบใด เราก็ไม่ได้คาดหวัง จึงไม่ผิดหวัง เพราะสุดท้ายก็เป็นการกระตุ้น เศรษฐกิจในชุมชนของเรา หมุนเวียนไปตามร้านต่างๆ”