
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ร.ต.อ.อรรฆฤทธิ์ เย็นสวัสดิ์ รอง สว.กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี ได้นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.อรุณ เถื่อนแอ้น อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 5 ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ 414/2567 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 โดยกล่าวหา “ร่วมกันรับของโจร” โดยจับได้ที่บ้านพัก แล้วควบคุมตัวไปทำการสอบสวนที่ สภ.เมืองอุดรธานี










สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.เรืองยศ ภูดานุ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจากท้าวอโนรส พันวงสา อายุ 43 ปี ชาวเวียงจันทน์ สปป.ลาว ว่าได้เดินทางข้ามมาเที่ยวเมืองไทย และเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี (ลีลาวดีแกนด์) ซอยโพนพิสัย 2 ถนนโพนพิสัย เขตเทศบาลนครอุดรธานี ต่อมานาฬิกาโรเล็กซ์ที่ถอดไว้ในห้องพักได้หายไป หลังจากที่แม่บ้านชื่อนางจุฑามณี วรรณจินดา อายุ 47 ปี ได้เข้ามาทำความสะอาดห้องพัก เจ้าของโรงแรมเรียกนางจุฑามณีมาไกล่เกลี่ยให้นำนาฬิกามาคืนลูกค้า แต่นางจุฑามณีไม่นำมาคืนเพราะว่าได้นำนาฬิกาไปให้นายอดิศักดิ์ เถื่อนแอ้น อายุ 25 ปี สามีและ น.ส.อรุณ เถื่อนแอ้น อายุ 67 ปี ยายของสามีไปขายแล้ว โรงแรมได้จึงได้ไล่ออก ต่อมา จนท.ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอนุมัติหมายจับทั้ง 3 คน
ต่อมาวันที่ 11 พ.ย. 2567 ร.ต.อ.อรรฆฤทธิ์ ฯได้นำกำลังพร้อมหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ 184/2567 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2667 จับกุม น.ส. นางจุฑามณี ในข้อกล่าวหา “ลักทรัพย์” และหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ.415/2567 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 จับกุมนายอดิศักดิ์ ในข้อหา “ร่วมกันรับของโจร” โดยจับกุมทั้งสองได้ที่บ้านเช่าเลขที่ 684/3 หมู่ 7 ชุมชนดอนอุด 1 ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้ไปนำหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ 414/2567 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ไปจับ น.ส.อรุณ เถื่อนแอ้น โดยกล่าวหา “ร่วมกันรับของโจร” ที่บ้านก็พบว่าผู้ต้องหาป่วยมะเร็ง นอนติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อิดโรย พูดจาไม่รู้เรื่อง ตำรวจเห็นแก่มนุษยธรรม และขอคำแนะนำจากบังคับบัญชา คิดว่าได้รับกรรมที่ตัวเองทำแล้ว และยังไม่จับตัวไปดำเนินคดี
ต่อมา ร.ต.อ.อรรฆฤทธิ์ ได้ทำการสอบสวน นายอดิศักดิ์ และนางจุฑามณี ซึ่งนางจุฑามณีให้การรับสารภาพว่า ทำงานเป็นแม่บ้านโรงแรม ได้ก่อเหตุลักนาฬิกาโรเล็กซ์ของลูกค้าชาวลาวจริง โดยมี น.ส.อรุณ ยายของนายอดิศักดิ์ พาขับรถปิกอัพนำนาฬิกาไปขายที่กรุงเทพ ได้เงิน 280,000 บาท โอนเข้าบัญชีธนาคาร น.ส.อรุณ พวกตนก็ถอนออกจากบัญชี เพราะรู้รหัส นำเงินไปใช้หมดแล้ว ส่วนยายไม่ได้ป่วยหนักจนนอนติดเตียง ยายแค่เล่นละครและแกล้งป่วยหนัก จึงนำตัวทั้งสองส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
น.ส.อรุณ ให้การว่า ตนป่วยเป็นมะเร็งในช่องท้องระยะสุดท้าย มาปีกว่าแล้ว หลานชายและหลานสะใภ้ไปก่อเหตุลักทรัพย์ แล้วนำไปขายเอง โดยตนนั่งรถปิกอัพไปหาหมอที่กรุงเทพด้วย ตนไม่ได้เงินซักบาท แม้ว่าจะเอาเงินเข้าบัญชีตนจริง แต่ก็กดออกไปใช้หมดแล้ว เพราะหลานชายรู้รหัส ซึ่งทั้งสองคนติดยาเสพติด หลานชายเป็นช่างซ่อม จยย. ส่วนหลานสะใภ้ทำงานเป็นแม่บ้านที่โรงแรม ตนไม่รู้เรื่องการลักทรัพย์ครั้งนี้เลย
ร.ต.อ.อรรฆฤทธิ์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้นำกำลังไปจับกุม น.ส.อรุณ ที่บ้านพักแบบจู่โจม ก็พบว่า น.ส.อรุณ ยังเดินอยู่ในบ้านและทำงานบ้านได้ตามปกติ บ้านช่องก็สะอาดดี ไม่ได้นอนติดเตียงเหมือนเมื่อวานนี้ พอเห็นตำรวจก็ทำหน้างง แต่ น.ส.อรุณ ป่วยเป็นมะเร็งจริง มีประวัติการรักษาจริง แต่ไม่ได้ป่วยหนัก อ้างว่าหลานเอานาฬิกาไปขาย แล้วโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง และกดออกไปใช้หมดแล้ว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงควบคุมตัวมาโรงพักทำการสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้นายอดิศักดิ์ และ นางจุฑามณี เคยก่อเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกันที่ถนนวัฒนานุวงศ์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ตำรวจเข้าไกล่เกลี่ยจนทั้งสองคืนดีกัน และนายอดิศักดิ์สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก ก่อนหอมแก้มเมียโชว์ตำรวจ