
วันนี้ (13 พ.ย. 67) ที่ ภ.จว.สกลนคร พ.ต.อ. อัษดิน สมศรี รอง ผบก.ตร.ภ.จว.สกลนคร ได้แถลงข่าวกับสื่อมมวลชนถึงความคืบหน้าคดีปล้นไม้พะยูง หลังจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 1 ราย ซึ่งผู้ต้องหามีการกล่าวอ้างพาดพิงถึงบุคคลอื่น และจะมีการตรวจสอบกับหน่วยงานที่บุคคลนั้นสังกัด โดยจะดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว





พ.ต.อ. อัษดิน สมศรี รอง ผบก.ตร.ภ.จว.สกลนคร กล่าวว่า จากกรณีที่มีกลุ่มคนร้ายประมาณ 5-7 คน ร่วมกันปล้นไม้พะยูงและอาวุธปืนของทางเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์ ในบริเวณที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่สน.2 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 หลังจากที่ทางตำรวจได้รับแจ้งเหตุได้มีการออกไปสืบสวนสอบสวน จนกระทั่งเราได้มีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงได้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีใครบ้าง เบื้องต้นเราได้มีการออกหมายจับจำนวนสามหมายด้วยกัน ขณะนี้ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วหนึ่งราย อีกสองรายกำลังดำเนินการ เพื่อที่จะติดตามตัวมาดำเนินคดี สำหรับในการดำเนินคดีทางผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรภาค 4 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนครรวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครได้กำชับทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการให้มีความละเอียดรอบคอบรัดกุม ทุกอย่างต้องถูกต้องแม่นยำและชอบด้วยกฎหมาย เพราะฉะนั้นการได้มาซึ่งหมายจับผู้ต้องหาที่เราออกหมายจับไปแล้ว 3 หมาย เราได้รวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็น พยานบุคคล พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พยานทางเทคโนโลยี ที่เราได้รวบรวมมาทุกอย่างจนกระทั่งเป็นเอกสารสำนวน เสนอเพื่อขออนุมัติให้ศาลออกหมายจับ ทางศาลเองได้ตรวจดูพยานหลักฐานแล้วเชื่อว่ามีพยานหลักฐานตามสมควร ว่าผู้ต้องหาที่เราไปออกหมายจับน่าจะกระทำผิดจริงซึ่งในส่วนของหลักฐานที่ได้รวบรวมมีความเชื่อมั่นว่า แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธแต่เราก็มีหลักฐานอย่างอื่นที่สามารถจะดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาเหล่านี้ได้
สำหรับที่ผู้ต้องหามีการพาดพิงถึงบุคคลอื่น เบื้องต้นเป็นสิทธิ์ของทางผู้ต้องหาที่จะให้การยังไงก็ได้เพื่อที่จะต่อสู้คดีสิ่งที่ผู้ต้องหาพูดมา เราไม่ได้ละเลยเพราะตอนนี้ผู้ต้องหายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาตัดสินว่าเขาได้กระทำผิดจริง เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ ที่เขาพูดมาเรารับฟัง ที่มีการพูดพาดพิงไปถึงบุคคลใดเราก็มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการพาดพิงไปถึงเจ้าหน้าที่หน่วยงานไหน เราก็จะประสานทางผู้บังคับบัญชาหน่วยงานนั้น ในการร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงสิ่งที่เขาพูดมา ถ้ามีพยานหลักฐานในการที่จะสามารถโยง เพื่อเอาความผิดกับผู้ร่วมขบวนการหรือคนที่อยู่เบื้องหลัง โดยเราจะดำเนินการกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว
สำหรับจำนวนผู้ร่วมก่อเหตุที่เราได้ดูจากกล้องวงจรปิดของกลุ่มผู้ต้องหาขณะเกิดเหตุตัวเลขคร่าวๆ ประมาณ 5-7 คน ขณะนี้ออกหมายจับไปแล้ว 3 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ทราบว่า นอกจากคนร้าย 3 ราย ที่เรารู้ตัวแล้วมีใครบ้าง ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคสี่ และตำรวจจากสภ.วาริชภูมิ ร่วมกันทำงานด้วยกันตลอด เพื่อหาพยานหลักฐานที่จะพิสูจน์ทราบว่ากลุ่มคนร้ายมีทั้งหมดกี่คนและมีใครบ้าง