
จากกรณีที่ นายศุภวิชญ์ ศรีภักดี หรือโอม อายุ 22 ปี และนายธีรภัทร ธรรมวงษา อายุ 18 ปี ชาวอุดรธานี กับพวกไปดูคอนเสิร์ต ปู พงษ์สิทธิ์ ที่งานประจำปีทุ่งศรีเมือง เขตเทศบาลนครอุดรธานี แต่ได้พบกับกลุ่มคู่อริ เข้ามาเคลียร์กันแต่ไม่จบ จึงขับขี่รถ จยย.ไปเคลียร์กันที่ตลาดรถไฟ แต่ได้โต้เถียงกัน ทำใช้เกิดการชุลมุน และนายศุวิชญ์ โดนยิงเสียชีวิต นายธีรภัทร บาดเจ็บสาหัส ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน 4 นัด ซึ่งต่อมานายเกรียงไกร เกษชมภู อายุ 25 ปี ชาวอุดรธานี เข้ามอบตัวพร้อมของกลางอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก อ้างโดนผู้ตายใช้หมวกกันน็อคฟาดหัว จึงยิงปืนใส่ 1 นัด อีก 1 นัดยิงขึ้นฟ้า เหตุเกิด 01.27 น. วันที่ 6 ธ.ค. 67 โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเป็นหลักฐาน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น








ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 6 ธันวาคม พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ชัยรัตน์ ประสาระพันธ์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส. พร้อมด้วยตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบประมาณ 50 คน ควบคุมตัวนายเกรียงไกร ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เกิดเหตุตลาดรถไฟ โดยนายเกรียงไกร ให้การว่าขณะยืนคุยเคลียร์ปัญหากันกับกลุ่มผู้ตาย แต่ไม่สำเร็จ แถมยังทะเลาะชกต่อยกัน ฝ่ายผู้ตายมีจำนวนมาก และมีปืนด้วย ผู้ตายเอาหมวกกันน็อคมาฟาดหัวตน ๆจึงวิ่งหนี พร้อมกับชักปืนยิงออกไปสวนไป 1 นัด ก่อนจะวิ่งหลบหนีไปทางขวาก็โดนกลุ่มผู้ตายดัก จึงยิงปืนขึ้นฟ้าเปิดทาง หนีเข้าไปในโรงพยาบาลกรุงเทพอุดร ก่อนจะเข้ามอบตัว โดยใช้เวลาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 20 นาที
พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ตายและมือยิงเป็นคู่อริกันมา 2 ปี ส่วนสาเหตุที่เกิดจากการไปเที่ยว และทะเลาะวิวาทชกต่อยกัน ก่อนเกิดเหตุไปพบกันที่คอนเสิร์ต และตามมาที่ตลาดรถไฟ ผู้ตายใช้หมวกกันน็อกทุบหัวมือยิงจนเซ จึงใช้อาวุธปืนยิงโดนบริเวณราวนมซ้าย ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลกรุงเทพอุดร หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ตำรวจ ทั้งจราจร และสายตรวจ ติดตามผู้ก่อเหตุ จนเข้ามอบตัวที่โรงพักพร้อมอาวุธปืนก่อเหตุ ผู้ต้องหารับสารภาพว่าโดน ผู้ตายมีคนมากกว่า แล้วใช้หมวกกันน็อกทุบ และบางคนมีอาวุธปืน จากการตรวจกล้องวงจปิด ทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนมีหลายกระบอก ตอนนี้ก็รู้ตัวพอสมควรแล้ว
“ตำรวจรู้ว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อยกัน ก็ได้ให้ตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว และชุดสืบสวน ติดตามมาระงับเหตุที่หลังห้างงี่สุ่นซุปเปอร์สโตว์ และยังตามไปยิงกันต่อที่ตลาดรถไฟ ส่วนอาวุธปืนไม่มีใบอนุญาตเป็นไทยประดิษฐ์ กระบอกที่ยิงผู้ต้องหาได้บอกว่าซื้อมาจากเพื่อนทางออนไลน์ ในราคา 20,000 บาท เป็นปืนแบงค์กันไทยประดิษฐ์ ลูกปืนขนาด . 38 และ 9 มม. ส่วนหลักฐานเราได้ดูจากกล้องวงจรปิดและลายนิ้วมือ กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ได้ยิงฝ่ายเดียวกลุ่มผู้ตายก็ได้ยิงตอบโต้ ตอนนี้อยู่ระหว่างตามตัวผู้ที่หลบหนี และขออนุมัติหมายจับ ซึ่งได้แจ้งข้อหาผู้ก่อเหตุ “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพรบ.อาวุธปืน” ส่วนมาตรการป้องกัน ตำรวจจะสนธิกำลังกับฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายสุราว่ามีใบอนุญาตหรือไม่ และตรวจสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ เพื่อจัดระเบียบเพราะว่าได้รับการร้องเรียน ว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมาจับกลุ่มรวมตัวที่ตลาดรถไฟบ่อยครั้ง ”
ส่วนที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี น.ส.นรินทิพย์ แทนสีดา อายุ 48 ปี แม่ผู้ตายพร้อมญาติเดินทางรับศพนายศุภวิชญ์ ศรีภักดี อายุ 22 ปี ลูกชาย โดยเจ้าหน้าที่แผนกนิติเวช แจ้งให้ น.ส.นรินทิพย์ ทราบว่าหลังผ่าตัดเอาหัวกระสุนออก พบว่าผู้ตายถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. 1 นัด เข้าบริเวณหน้าซ้ายทะลุหัวใจและปอด กระสุนฝังในที่ไหล่ขวา ซึ่ง น.ส.นรินทิพย์ ได้ออกมานั่งดูภาพวงจรปิดที่มีการแชร์ในโลกโซเชียล พอเห็นภาพลูกชายโดนยิงล้มลง ก็ถึงกับสะดุ้งและร้องไห้ ลูกสาวก็ได้เอามือปิดตาแม่ไว้ เพราะไม่อยากให้แม่เห็นภาพที่สะเทือนใจ
เมื่อเจ้าหน้าที่นำศพนายศุภวิชญ์ ออกมาจากห้องดับจิต นำบรรจงโลงศพ น.ส.นรินทิพย์ ได้ร้องไห้ออกมา พร้อมกับพูดกับลูกว่า “กลับบ้านเรานะลูก” พร้อมได้จุดธูปเชิญดวงวิญญาณกลับไปบ้าน เมื่อไปถึงบ้าน ซึ่งญาติทุกที่รออยู่บ้านก็ได้ร้องไห้ โดยเฉพาะตากับยาย ทั้งสองชราภาพและป่วยติดเตียง ยายได้ให้หลานประครองเดินด้วยไม้ค้ำมาดูหน้าหลานชายเป็นครั้งสุดท้าย และปล่อยโฮออกมา พร้อมกับบอกให้หลานไปสู้สุขคติ เมื่อวานยังมาหายาย ทำไมวันนี้ถึงไปเร็ว ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศก โดยจะสวดอภิธรรมที่บ้านเลขที่ 205 หมู่ 16 บ้านโนนเดื่อ ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
น.ส.นรินทิพย์ ไม่คิดว่าจะเกิดกับลูกตน เห็นแต่กับคนอื่น ตนคุยกับแฟนว่าวันที่ 5 ธันวาคม มักจะเกิดเหตุเช่นนี้อยู่เรื่อย จึงไม่อยากให้ลูกไปเที่ยวงานทุ่งศรีเมือง จึงทักลูกไปแต่ลูกก็ยังไม่อ่านและไม่ตอบ ซึ่งวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันเกิดตนได้ถ่ายรูปต้มปลาไปให้ลูกดู ซึ่งลูกบอกว่า “เป็นตาแซบเนาะแม่” ตนนัดกับลูก 15.00 น. แต่ลูกได้ทักหาบ่อย พร้อมกับซื้อเค้กและปลาเผามาให้แม่ที่บ้านเวลา 12.00 น. แต่ตนไม่อยู่บ้าน ทำให้ไม่พบกัน ลูกเป็นคนที่รักแม่ ดูแลเอาใจใส่แม่ดี แต่ลูกจะไปอยู่กับเพื่อนรุ่นพี่มากกว่า ถ้าบอกลูกได้แม่อยากบอกว่า “ อยากกอดเขา และจะไม่ให้เขาไปไหน” พร้อมกับสะอื้นไห้