
วันที่ 2 ม.ค. 69 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภชัย โพธิ์สุ ครูแก้ว อดีต ส.ส.นครพนม อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ ที่บ้านพูนสุข อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ถึงประเด็นหาเสียงการเลือกตั้ง นายก อบจ.นครพนม ซึ่งจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. 2568 นั้น ทั้งนี้ “ครูแก้ว” กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้ข่าวแว่วว่า นายก อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมานครพนม ในวันที่ 12 ม.ค.และอดีตนายกทักษิณ ชิณวัตร ก็จะเดินทางมาในวันที่ 18 ม.ค.68 เพื่อจะมาปราศรัยในฐานะผู้ช่วยหาเสียงให้กับ ผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม ในนามของพรรคเพื่อไทย


นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ”ครูแก้ว” แสดงความเห็นว่า ตนไม่เชื่อ ว่า ท่านนายกฯ อุ๊งอิ๊งและท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร คนผู้มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับระดับโลกจะลดตัวเองลงมาระดับนี้ และถ้าจะมาแล้วก็ไม่รู้จะสู้ใคร นายกฯขวัญก็ตัวคนเดียวทำงานร่วมกับกลุ่มทีมงาน”นครพนมร่วมใจ”เท่านั้น นอกจากนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจาก พรรคภูมิใจไทย แต่อย่างใด ขณะที่การเลือกตั้ง นายก อบจ.ถือว่าเป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นแต่เป็นท้องถิ่นขนาดใหญ่ ความจริงไม่น่าจะเกี่ยวกับพรรคการเมือง หรือไม่เกี่ยวกับรัฐบาลกลางด้วยซ้ำ เพราะว่าใครจะเข้ามาเป็นนายก อบจ. ก็มีข้อจำกัดตามแนวทางนโยบายที่อยู่ในกรอบของกฎหมายเฉพาะของท้องถิ่นนั้นๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความหนักใจหรือไม่ หากนายกฯอุ๊งอิ๊ง และอดีต นายกฯทักษิณ เดินทางมาในฐานะผู้ช่วยหาเสียงจริงๆ ครูแก้วยังกล่าวต่อ ว่านายกขวัญเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เป็นเพียงหัวหน้าทีม”กลุ่มนครพนมร่วมใจ” โดยไม่มีพรรคการการใดอยู่เบื้องหลัง สมัครในนาม”กลุ่มนครพนมร่วมใจ ส่วนพ่อนั้นอยู่ใน พรรคภูมิใจไทยแน่นอน แต่”ขวัญ”ศุภพานี ไม่ว่าคุณจะเป็นพวกใครอยู่พรรคไหนก็ตามหรือเป็นใคร หากรักนครพนม อยากสร้าง หรืออยากพัฒนานครพนม ก็จะมาร่วมมือกันอย่างสมัยที่ผ่านมา แต่ก็อดยอมรับว่าหนักใจหากข่าวการเดินทางของท่านสองเป็นเรื่องจริง
อย่างไรก็ตาม นายศุภชัย โพธิ์สุ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับที่ผ่านมาตนก็แพ้การเลือกตั้งจากในสนามที่ผ่านมาแล้ว ทุกวันนี้ พรรคภูมิใจไทยเองก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ไม่เชื่อว่าท่านทั้งสองจะทุ่มตัวลงมาทำหน้าที่ผู้ช่วยหาเสียงตามที่เป็นข่าว แต่ก็อดเป็นห่วงถึงความเหมาะสมในฐานะนายกรัฐมนตรีและหน้าที่ติดตัวของท่านไม่ได้ เพราะด้วยไม่ว่าจะด้วยเวลาไหนก็ตาม ท่านเองก็ยังมีตำแหน่งหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ซึ่งความจริงน่าจะปล่อยให้เด็กๆเขาเล่นกันน่าจะเหมาะสมกว่า